เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน กล่าวถึงกรณีที่สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหนังสือขอให้นำรถยนต์ยี่ห้อแพนเธอร์ รุ่นปี ค.ศ.1977 สีดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 8L66240-L หมายเลขตัวรถ 731 เข้าตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทางกายภาพว่าเป็นเรื่องแปลกและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่รถยนต์ยี่ห้อแพนเธอร์ รุ่นปี ค.ศ.1977 สีดำคันนี้เป็นรถโบราณที่ดีเอสไอเคยเรียกตรวจแล้วเมื่อ 17 กันยายน 2556 โดยได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของทางวัดนำรถยนต์ยี่ห้อแพนเธอร์ รุ่นปี ค.ศ.1977 สีดำ ทะเบียนเดิม กท 1562 สระบุรี ปัจจุบันทะเบียน กก 1177 กรุงเทพมหานคร ไปให้ดำเนินการตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ได้แจ้งผลการตรวจสอบตามแบบตรวจสอบรถยนต์ พบมีหมายเลขเครื่องยนต์ 8L66240-L หมายเลขตัวรถ 731 หมายเลขเกียร์ 28162004002760 เบื้องต้นเชื่อว่า “เป็นรถยนต์ที่ประกอบขึ้นในประเทศจากชิ้นส่วนรถยนต์เก่า”
มีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรมการขนส่งทางบก กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิครถยนต์ เป็นผู้ร่วมดำเนินการตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อแพนเธอร์ รุ่นปี ค.ศ.1977 สีดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 8L66240-L หมายเลขตัวรถ 731 ทะเบียนเดิม กท-1562 สระบุรี ปัจจุบันทะเบียน กก 1177 กรุงเทพมหานคร
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวว่า รถยนต์โบราณแพนเธอร์ของอาตมานี้มันร้ายแรงมากมายหรือ อาตมาว่าเมื่อคราวตรวจสอบครั้งแรกเมื่อปี 2556 นั้นครบถ้วนทุกกระบวนท่าแล้ว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่อยู่ๆ มาช่วงนี้ที่มีเรื่องรถเบนซ์ของสมเด็จวัดปากน้ำ ดันมาลากเอาอาตมาไปเกี่ยวโยงด้วยเพื่ออะไร และอยากถามว่ารถยนต์เก่าลักษณะแบบนี้ในประเทศไทยมีคันเดียวหรือไม่ และขอถามว่ารถยนต์หรูอีกมากมายดำเนินการบ้างหรือป่าว เรื่องนี้มันเก่าไปแล้ว ดีเอสไอชุดนี้คิดอะไรกัน และที่สำคัญ รถยนต์คันนี้มีการจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก มีการเสียภาษีประจำปีทุกปี ปีละ 11,700 บาท
ด้านนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ไวยาวัจกร และเป็นที่ปรึกษากฎหมายวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ยินดีให้ตรวจสอบรถแพนเธอร์คันดังกล่าวตามร้องขอ แต่อย่างไรก็ตาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในจำนวนรถยนต์จดประกอบกว่า 5,000 คันที่เคยตกเป็นข่าวนั้นมีการตรวจสอบบ้างหรือไม่อย่างไร ทั้งที่ระยะเวลาผ่านมาเนิ่นนาน แต่จงใจที่จะมาขอตรวจสอบเฉพาะของวัดไผ่ล้อมและวัดปากน้ำเพียง 2 คันนี้เท่านั้น โดยเฉพาะรถของหลวงพี่น้ำฝน มีการเรียกตรวจสอบซ้ำถึง 2 ครั้ง เกรงว่าสังคมจะมองว่าดีเอสไอมีการเลือกปฏิบัติหรือไม่
ที่ปรึกษากฎหมายกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเปิดเผยผลการตรวจสอบรถยนต์แพนเธอร์ของหลวงพี่น้ำฝนที่มีการเรียกตรวจสอบครั้งแรกเมื่อปี 2556 ให้สาธารณชนได้ทราบ เนื่องจากการนำเสนอข่าวปัจจุบันอาจจะกระทบกับภาพลักษณะอันดีงามของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน และคณะสงฆ์โดยรวม
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ จะทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอ โดยอ้างถึงหนังสือที่สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้นำรถยนต์ยี่ห้อแพนเธอร์ รุ่นปี ค.ศ.1977 สีดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 8L66240-L หมายเลขตัวรถ 731 เข้าตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทางกายภาพที่กรมสอบสวนคดีพิเศษในวันที่ 2 มีนาคมนั้น ว่าทางวัดไผ่ล้อมไม่พร้อมที่จะนำรถยนต์คันดังกล่าวไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ตรวจสอบได้ เนื่องจากสภาพรถและเครื่องยนต์ไม่อำนวย จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวนัดมาตรวจสอบรถยนต์แพนเธอร์ สีดำนี้ได้ที่วัดไผ่ล้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าหลวงพี่น้ำฝนได้นำพระสงฆ์วัดไผ่ล้อมทำวัตรเช้าบนศาลาการเปรียญซึ่งเป็นที่ตั้งของสังขารหลวงพ่อพูล แล้วได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องรถยนต์โบราณของวัดปากน้ำ โดยดีเอสไอทำหนังสือให้นำรถยนต์แพนเธอร์ สีดำ ทะเบียน กก 1177 กรุงเทพมหานคร แล้วนำชมรถยนต์คันดังกล่าว นำชี้เครื่องยนต์กับตัวรถที่แตกต่างกัน คือ ตัวรถเป็นแพนเธอร์ เครื่องยนต์เป็นจากัวร์ ตามเอกสารที่ดีเอสไอทำบันทึกตรวจสอบให้มาต่อสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งอย่างเปิดเผย
