อังคณา อัด ‘ทักษิณ’ คิดไปเอง คนชายแดนใต้ต้อนรับ เสนอตัวช่วยแก้ปัญหา คุยตรงไปตรงมา

‘อังคณา’ เหน็บ ‘ทักษิณ’ คิดไปเอง คนชายแดนใต้ต้อนรับ ทั้งที่เขาไม่รู้สึกอะไร ซัดแทนที่จะพูดความจริงว่าทำไม ส.ส.เพื่อไทย หนีคดีตากใบ กลับพูดแค่ขออภัย แม้จะเป็นที่ปรึกษา ‘นายกฯมาเลย์’ ก็ช่วยไม่ได้ เหตุมาเลเซียแค่เป็นตัวกลาง-ไม่แทรกแซง แนะใช้การเมืองนำการทหารแก้ปัญหาภาคใต้ พร้อมเสนอตัว อยากให้ช่วยก็ยินดี

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 10 มีนาคม ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดในพื้นที่ภาคใต้หลายจุดว่า ถ้าเปรียบเทียบในทุกปีช่วงเดือนรอมฎอนก็จะมีการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง และ 2-3 ปีที่ผ่านมา เราพบว่าช่วงเดือนรอมฎอนจะไม่มีการใช้ความรุนแรง แต่ปีนี้เข้าเดือนรอมฎอนได้เพียง 1 สัปดาห์ก็มีการใช้ความรุนแรง เช่น กรณีที่ไปโจมตี อส. ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำต่อพลเรือนไม่ใช่ทหาร แต่ในส่วนที่ทราบมา ฝ่ายขบวนการมองว่าใครก็ตามที่อยู่กับรัฐคือศัตรูของเขา แม้จะเป็นมุสลิมหรือไม่ก็ตาม เขาไม่ได้แยกแยะ จะเห็นได้ว่า อส.ที่เป็นมุสลิมก็ถูกฆ่าเหมือนกัน

เมื่อถามว่า เป็นข้อสังเกตว่าเป็นเพราะ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงไปในพื้นที่ใช่หรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า นายทักษิณลงไปในพื้นที่ก็คิดเอาเองว่าตอนนี้ประชาชนค่อนข้างต้อนรับ โดยมีการเปรียบเทียบว่าเมื่อก่อนมองตาเขียว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ซึ่งนายทักษิณต้องอย่าลืมว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่มีใครลืม ถึงแม้นนายทักษิณจะขออภัยในกรณีตากใบ แต่ช่วงที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในคดีตากใบ ก็ไม่ไปปรากฏตัวในศาล จนทำให้คดีไปต่อไม่ได้ ตรงนี้เชื่อว่าเป็นเหตุหนึ่ง

ADVERTISMENT

นางอังคณากล่าวว่า เพราะหากคดีตากใบดำเนินไปได้ อย่างน้อยที่สุดความจริงก็จะเปิดเผยในศาลให้รู้ว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง สุดท้ายศาลพิพากษาอย่างไรก็ถือว่ายุติ และพอใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่หากคาราคาซังแบบนี้ก็ยังมีอะไรที่ค้างคาใจอยู่

ต่อข้อถามว่า การที่นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาของนายกฯมาเลเซียไม่สามารถช่วยหรือทำให้มาเลเซียมาคลี่คลายสถานการณ์ได้เลยหรือ นางอังคณากล่าวว่า มาเลเซียอยู่ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกเท่านั้น เพื่อให้ฝ่ายไทยได้คุยกับอีกกลุ่ม ซึ่งโดยมารยาทเขาจะไม่แทรกแซง แต่ปัญหาคือวิธีการพูดคุยคงต้องคุยทั้งบนโต๊ะและในพื้นที่ ถ้าถามเจ้าหน้าที่ว่าตอนนี้พอจะมองออกหรือไม่ว่าใครเป็นใคร เจ้าหน้าที่และคนที่ทำงานภาคใต้ก็รู้ว่าเราควรทำงานกับใคร

ADVERTISMENT

“ปัญหาคือรัฐบาลไม่ได้ส่งสัญญาณในการที่จะคุยกับคนที่เขาเห็นต่างทางความคิด แต่กลับไปมุ่งที่จะส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลมากกว่า จึงทำให้ปัญหายืดเยื้อ และอีกส่วนที่ต้องไม่ลืมเพราะมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการรายงานข่าว เพราะมีการพูดมานานว่าการรายงานข่าวไม่น่าเชื่อถือ ทำไมรัฐจึงไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการก่อเหตุในลักษณะนี้ และที่สำคัญรัฐบาลต้องไม่ลืมว่าผู้ก่อเหตุ หรือผู้ที่คิดต่าง พวกบีอาร์เอ็น ก็คือลูกหลานของคนในพื้นที่ ฉะนั้น ความเป็นพี่น้องยังมีอยู่ จะทำอย่างไรที่จะคุยกันให้เข้าใจ

อย่างกรณีตากใบแทนที่จะขอโทษ คุณทักษิณควรจะพูดมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ให้ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยมาขึ้นศาล อย่างน้อยควรเปิดเผยความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตากใบมีคนหายและมีการฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม” นางอังคณากล่าว

เมื่อถามว่า คณะเจรจาพูดคุยควรประกอบไปด้วยฝ่ายไหนเพื่อให้เกิดสันติสุข นางอังคณากล่าวว่า ส่วนตัวมองไปที่คณะพูดคุยชุดที่แล้ว ที่มีนายทหาระดับสูงด้วย เพราะนี่คือคู่ขัดแย้ง แล้วเราเอาคนที่เป็นคู่ขัดแย้ง ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าละเมิดเข้าไปนั่งอยู่บนโต๊ะอย่างนี้จะพูดคุยกันได้อย่างไร เพราะหลักการสำคัญของการพูดคุยคือทั้ง 2 ฝ่ายต้องเท่ากัน ต้องคุยและสร้างความไว้วางใจกัน ถ้าเอาคนที่คนในพื้นที่ไม่ไว้วางใจไปนั่งบนโต๊ะ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง เหมือนกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม พูดว่าอาจจะคุยไม่ถูกคน ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าน่าจะคุยไม่ถูกคน ทั้งในระดับพื้นที่และการพูดคุยบนโต๊ะ อย่างไรก็ตาม หากเราเอาทหารไปเจรจาต้องมีกองกำลังติดอาวุธที่เป็นตัวแทนของเขามาพูดคุยด้วย และเวลาพูดคุยต้องมีหลักประกันว่าเขาจะปลอดภัย หากเขาปรากฏตัว

“ส่วนตัวมองว่าการเจรจาที่ผ่านมาไม่น่าจะได้ประโยชน์ ส.ส.เองก็ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องสันติภาพมา 1-2 ปี แล้วก็ไม่เห็นไปไหน คุยกับคนไปทั่ว แต่อยู่ที่ว่าจะเอาอย่างไรมากกว่า ความจริงใจเป็นเรื่องสำคัญมาก และสิ่งที่อยากให้ตามคือที่รัฐสภาได้มีมติยกเลิกคำสั่ง คสช. เรื่อง การตั้งสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้น อยากให้มีการตั้งสภาที่ปรึกษา เข้ามาดำเนินการและใช้การเมืองนำการทหารให้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาทหารนำการเมืองมาตลอด อะไรที่ไม่พอใจ ไม่ถูกใจก็ใช้ไอโอคุกคามคนที่เห็นต่าง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แก้ปัญหาเลย

หากไว้ใจอยากให้ดิฉันช่วยก็ยินดี แต่อยากให้คุยกันแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่เอาอกเอาใจ แบบอย่างที่นายทักษิณลงไปในพื้นที่แล้วคิดไปเองว่าคนมาต้อนรับ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะจากที่ดิฉันคุยกับชาวบ้านหลายคน เขาไม่ได้รู้สึกอะไร” นางอังคณากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image