เลขาสภา ขีดเส้นเท้ง 17 มีนา ถอดชื่อทักษิณ พ้นญัตติซักฟอก ไม่งั้นส่อไม่ทัน

เลขาสภา ขีดเส้นเท้ง 17 มีนา ถอดชื่อทักษิณ พ้นญัตติซักฟอก ไม่งั้นส่อไม่ทัน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยให้แก้ไขข้อบกพร่องในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า กรณีที่ฝ่ายค้านแย้งในอำนาจของประธานสภา ว่ามาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเกี่ยวกับการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ไม่ได้มีการบัญญัติเรื่องอำนาจ ความผูกพันในการใช้อำนาจของประธานสภา​ ให้ต้องเปิดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่มาตรา 128 วรรค 1 บัญญัติให้อำนาจ ส.ส.ในการตราข้อบังคับการประชุมเกี่ยวกับการเปิดอภิปรายทั่วไป ซึ่งรวมถึงญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจด้วย

นายคัมภีร์กล่าวต่อว่า โดยมีการกำหนดขั้นตอนเกี่ยวกับการเปิดอภิปรายดังกล่าวไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา พ.ศ.2526 หมวด 9 เรื่องการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยเฉพาะข้อ 175 วรรค 1 ได้กำหนดอำนาจและหน้าที่ให้แก่ประธานสภาไว้ชัดเจนในการตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอญัตติทราบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้ญัตติ เพื่อให้แก้ไขให้ถูกต้อง

โดยข้อบังคับไม่ได้มีการกำหนดนิยามคำว่า ข้อบกพร่องไว้อย่างชัดเจนว่า หมายถึงข้อบกพร่องที่เป็นข้อผิดพลาด เช่น มีลายชื่อผู้เสนอไม่ครบ ตามเกณฑ์กำหนด หรือลายมือชื่อผู้เสนอไม่ถูกต้องตรงกับลายมือชื่อจริง เป็นต้น จึงเป็นอำนาจของประธานสภาที่จะใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย หากมีการแก้ไขญัตติถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ประธานสภาจึงจะสั่งเข้าบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน และแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ

ADVERTISMENT

นายคัมภีร์กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 178 และข้อ 69 แล้วจะเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจห้ามผู้อภิปรายออกชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น และการอภิปรายที่อาจทำให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช้นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี หรือ ส.ส.ได้รับความเสียหายถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม ส.ส.ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ ประธานสภาต้องการให้การประชุมและการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชน

จึงเห็นว่าหากปล่อยให้ชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติต่อไปจะเกิดความเสียหาย และความไม่เรียบร้อยในที่ประชุมจนยากจะแก้ไข เนื่องจากอาจจะเกิดการประท้วงไปมาหรือประท้วงประธานสภาว่าทำผิดข้อบังคับด้วย ไม่ควบคุมรักษาความสงบในที่ประชุม ซึ่งท่านจะต้องรับผิดชอบด้วยจึงต้องใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของญัตติดังกล่าว

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในญัตติพบว่ามี ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านจำนวน 10 ราย ที่ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่เคยให้ไว้กับสภา จึงให้ไปแก้ไข ซึ่งมีการแก้ไขกลับมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่เดือนกุมภาพันธ์มีแค่ 28 วันเท่านั้น และเมื่อมีการนำเสนอเรื่องต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เพื่อพิจารณาก่อนที่จะส่งเรื่องไปถึงประธานสภาตามขั้นตอน

จึงพบว่าญัตติมีการกำหนดชื่อบุคคลภายนอกไว้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระได้ ดังนั้น นายพิเชษฐ์จึงเสนอต่อประธานสภา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของกรอบเวลาการที่นายณัฐพงษ์ระบุว่าเกินกำหนดวันที่ 28 กุมภาพันธ์

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเสริมว่า ในทางปฏิบัติสำนักการประชุมได้ชี้แจงมาว่าการยื่นญัตติของฝ่ายค้านนับรวมวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ซึ่งก็จะตรงกับวันที่ 6 มีนาคม พอดี โดยญัตติสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์

ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมระบุว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งด้วยหนังสือ แต่ประธานสภาให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านจึงขอนำเรียนให้นายณัฐพงษ์แก้ไขก่อน ถ้าไม่แก้ไขก็จะให้สำนักงานเลขาธิการสภาทำหนังสือส่งไป เผื่อนายณัฐพงษ์จะเปลี่ยนใจแก้ไข

เมื่อถามว่า นับตั้งแต่วันที่ประธานสภาเรียกเข้าไปพบใช่หรือไม่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ กล่าวว่า ใช่ ประธานสภาแจ้งด้วยวาจาและมีการเชิญผู้นำฝ่ายค้านมาพบที่ห้องเพื่อนำเรียนนายณัฐพงษ์

ถามย้ำว่า ตามระเบียบหากไม่แก้ไขญัตติ จะไม่สามารถบรรจุวาระได้ใช่หรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของประธานสภาว่าบรรทัดฐานที่ท่านทำมา ไม่ใช่ท่านเพิ่งคิดในครั้งนี้ แต่ท่านได้ให้สำนักการประชุมตรวจสอบดูในอดีต ซึ่งการกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้นไม่มี

แต่ใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิก จะไม่ระบุชื่อโดยตรง เฉพาะในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องอยู่ในกรอบนี้ ไม่ใช่ญัตติทั่วไป ซึ่งญัตติทั่วไปอาจมีการเอ่ยถึงบุคคลภายนอกได้ ประธานสภาก็ถือเป็นบรรทัดฐานครั้งนี้

“การกล่าวถึงบุคคลภายนอก มีครั้งหนึ่งในสมัยญัตติปี 2529 ที่เป็นการกล่าวถึงบริษัทหนึ่ง แต่ปี 2529 เราต้องรู้ว่าเอกสิทธิ์ความคุ้มกันนั้นมี 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าไปพาดพิงบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญพิจารณามา ถ้าบุคคลภายนอกเสียหายเขาสามารถฟ้องร้องได้ในส่วนนั้น ส่วนประเด็นที่บอกว่าเมื่อมีการอภิปรายแล้วพาดพิงบุคคลภายนอก

เขาสามารถมายื่นคำชี้แจงได้ อันนั้นแยกส่วนต่างหาก แต่เรื่องนี้อยู่ในส่วนของการระบุชื่อในญัตติ และญัตติก็มีชื่อเผยแพร่เป็นบุคคลภายนอกแล้ว บุคคลที่มีชื่อในญัตติก็ไม่สามารถชี้แจงในลักษณะที่ไม่ถูกอภิปรายได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แตกต่างกัน” เลขาธิการสภากล่าว

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ระบุว่าจริงอยู่ที่ผู้เสนอญัตติพร้อมรับผิดชอบในการกล่าวถึงบุคคลภายนอก แต่ว่าในฐานะประธานสภา ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติ และมีการปรากฏอยู่ในสาธารณชน เพราะเป็นคนใช้อำนาจในการอนุญาตให้บรรจุญัตติ ซึ่งประธานสภาเล็งเห็นในส่วนนี้ซึ่งมีความสำคัญจึงเห็นว่าควรให้ตัดการที่มีบุคคลภายนอกออกไป

ถามย้ำว่า หากไม่แก้ญัตติก็คือไม่บรรจุวาระการประชุม เลขาธิการสภากล่าวว่า “ครับๆ ตอนนี้ท่านประธานสภ ก็มีดำริให้นโยบายมา ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภา ภายในวันที่ 11-12 มีนาคม ผมก็จะทำหนังสือชี้แจงในข้อที่ผู้นำฝ่ายค้านโต้แย้งมา หากแก้ไขและยื่นกลับมาเลย จะทันการอภิปรายในวันที่ 24 มีนาคมนี้ แต่หากยื่นมาหลังวันที่ 19 มีนาคม ก็จะไม่ทันการอภิปรายในสมัยประชุมนี้ เพราะจะปิดสมัยประชุมในเดือน เม.ย.แล้ว

ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ที่ระบุว่าฝ่ายค้านต้องส่งญัตติที่แก้ไขแล้วให้สภาก่อนวันที่ 19 มีนาคม เพื่อให้ทันการบรรจุวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 10 เมษายนนี้ ว่า เดดไลน์ที่ฝ่ายค้านจะต้องส่งญัตติที่แก้ไขแล้ว ไม่ได้มีกำหนดตายตัวว่าจะต้องส่งกลับมาให้สภาเมื่อใด เพื่อบรรจุญัตติ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมาตอบได้เมื่อใด

หากเป็นไปตามกระแสข่าวว่าจะอภิปรายวันที่ 24 มีนาคม ฝ่ายค้านก็ควรจะส่งญัตติที่แก้ไขแล้วมาให้สภาภายในวันที่ 17 มีนาคม เพื่อให้สภาแจ้งเรื่องให้ ครม.ทราบทันการประชุม ครม.วันที่ 18 มีนาคม แต่ถ้าฝ่ายค้านส่งญัตติที่แก้ไขกลับมาหลังวันที่ 17 มีนาคม ไปแล้ว สภาก็ส่งเรื่องให้ ครม.ทราบได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ครม.จะพร้อมมาตอบให้หรือไม่

“ไม่ได้มีเดดไลน์กำหนดตายตัวว่าฝ่ายค้านจะต้องส่งญัตติกลับมาให้สภาก่อนวันอภิปรายกี่วัน เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของ  ครม.จะมาตอบเมื่อใด” เลขาฯสภากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image