กมธ.กฎหมาย เชิญหน่วยงานแจงปม ‘อุยกูร์’ ชี้เดือน ม.ค.เพิ่งบอก ไม่มีนโยบายส่งกลับจีน

‘กมธ.กฎหมาย’ เชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องมาสอบ ปมส่งตัว ‘ชาวอุยกูร์’ กลับประเทศต้นทาง มองปิดเทปดำที่รถ ไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการพิจารณาติดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการส่งตัวผู้ถูกกักตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศต้นทาง โดยเชิญปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัด กต. ผบ.ตร. และเลขาฯสมช.มาชี้แจงในวันนี้ด้วย

เมื่อถามว่า ในเรื่องของการส่งตัวครั้งนี้ กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐได้มีการพูดคุยในประเด็นนี้ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน นายกมลศักดิ์กล่าวว่า เรื่องของชาวอุยกูร์ช่วงเดือนมกราคมตามที่ทราบข่าว ในการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทางซึ่งก็คือประเทศจีน โดย กมธ.กฎหมาย ได้เรียกหน่วยงานมาสอบถามก่อนแล้วเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากช่วงที่เราเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจงเมื่อเดือนมกราคม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ ตม. หรือ สมช. ทุกคน ทุกหน่วยงานตอนนั้นปฏิเสธหมดว่าไม่มีนโยบายที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ

ADVERTISMENT

นายกมลศักดิ์กล่าวว่า ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีกำลังจะเดินทางไปประชุมที่ประเทศจีน เพียงแต่บอกว่าไม่ได้รับนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งนั่นคือเรื่องของ ณ ตอนนั้น แต่หลังจาก กมธ.เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงแล้วก็มีข่าว จนกระทั่งเกิดเป็นเรื่องจริงตามที่เราทราบกัน ดังนั้น เพื่อความต่อเนื่อง กมธ.จึงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เคยเรียกไปแล้ว ซึ่งมีประเด็นที่จะสอบถามโดยเน้นในด้านกฎหมายเป็นหลัก คือสอบถามกระบวนการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ซ้อมทรมาน ตามมาตรา 13 หรือไม่อย่างไร รวมถึงกระบวนการก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร และทำไมก่อนหน้านั้นถึงบอกว่าไม่มี

เมื่อถามว่า แบบนี้จะอนุมานได้หรือไม่ว่าเนื่องจากประเด็นนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปประเทศจีน นายกมลศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ยังไม่ทราบ แต่ก็อาจต้องสอบถามในที่ประชุม กมธ.วันนี้ด้วย

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่า เบื้องต้นประเด็นนี้จะเข้าข่าย พ.ร.บ.ซ้อมทรมานหรือไม่ นายกมลศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถทราบถึงกระบวนการ เรายังตอบไม่ได้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ตนติดตามในส่วนของฝ่ายบริหารว่าให้ดำเนินการตามกฏหมาย รวมถึงรายละเอียดที่มาแต่ละอย่างเป็นอย่างไร ก็อยากจะให้ชี้แจงในที่ประชุมกรรมาธิการวันนี้ด้วย

เมื่อถามว่า การปิดทึบกระจกรถขนส่งจะเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ นายกมลศักดิ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีการทราบถึงข้อเท็จจริงว่ามีการอุ้มคลุมถุงดำหรือไม่ แต่การเอาเทปดำมาปิดที่รถ ตนดูลักษณะแล้ว ต้องกระทำกับบุคคล ไม่ใช่กับยานพาหนะ จึงจะเข้าข่าย ส่วนในความเห็นตน ตนมองว่าไม่เข้าข่าย

เมื่อถามต่อว่า หากดูจากภาพข่าวที่เกิดขึ้นก็ยังมองว่าไม่เข้าข่ายใช่หรือไม่ นายกมลศักดิ์กล่าวว่า กระบวนการในประเทศไทยก็เป็นกระบวนการหนึ่งตาม พ.ร.บ.การซ้อมทรมาน ในระหว่างการควบคุมจะต้องมีการปฏิบัติอย่างไรบ้าง ส่วนขั้นตอนที่สอบว่าปลายทางแล้วผู้ที่เป็นชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวไป จะถูกกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่

ส่วนตอนนี้หน่วยงานความมั่นคงของไทย ไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการเดินทางไปประเทศจีนเพื่อติดตามในกรณีดังกล่าว นายกมลศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ฝ่ายบริหารก็ต้องพิสูจน์ว่าปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ซ้อมทรมานจริง ทั้งต้นทางและปลายทาง ไม่กระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องพิสูจน์ เพราะไม่ใช่แค่คนในประเทศที่ติดตาม ต่างประเทศก็ติดตามเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image