การออกโรงของ นายชัยเกษม นิติสิริ ประสานเข้ากับการออกโรง ของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
ดำเนินไปด้วย “ความเข้ม”
“เขาคือผู้ขัดแย้งนั่นเอง ก่อนทำรัฐประหารก็ให้ผมไปประชุม จากนั้นจับผมในที่ประชุม ปิดตา มัดมือ จะไม่ใช่คู่ขัดแย้งได้อย่าง ไร”
ใคร “สั่ง” ให้จับ ปิดตา มัดมือ
“สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอไม่ใช่เป็นการตีรวน หรือขัดขวางกระ บวนการสร้างความปรองดองที่มีอยู่ แต่เป็นการเสนอเพื่อให้เกิดความสำเร็จ”
ดำเนินตามหลักแห่ง “อริยสัจ” ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
พุ่งเป้าไปที่ “ตัวทุกข์” พุ่งเป้าไปที่”ปัญหา”
บทบาทของพรรคเพื่อไทยเช่นนี้ถูก “ตำหนิ” จากฝ่ายของรัฐบาลอย่างแน่นอน
สัมผัสได้จาก”เสียง”ของกระทรวงกลาโหม
ยิ่งกว่านั้น ยังสัมผัสได้จาก “เสียง”อันมาจากหลายภาคส่วนของพรรคประชาธิปัตย์
ตรงนี้แหละ “สำคัญ”
ทำให้บทบาทและความหมายของคำว่า “ปรองดอง สมานฉันท์”มีความแจ่มชัด
แจ่มชัดว่าจะปรองดองกับ”ใคร”
แจ่มชัดว่าจะใช้”วิธีการ”และ”กระบวนการ”อย่างไรจึงจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้
ไม่ใช่ปรองดองเพียง “รูปแบบ”
ถามว่าเหตุใดพรรคเพื่อไทยต้องออกมา”ท้วงติง”และเสนอแนะในเรื่องของ “คณะกรรมการ”ให้ดำเนินในรูปแห่ง”กรรมการอิสระ”
คำตอบเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยประเมินว่าคสช.
คือ 1 ในคู่แห่งความขัดแย้ง
ความขัดแย้งที่ “สะสม” และ”หมักหมม” ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
หากไม่ยอมรับ”ความจริง”นี้ก็ “ลำบาก”
เหมือนนกกระจอกเอาหัวซุกไปซ่อนอยู่ใต้พื้นทราย