“บิ๊กป้อม” รับประกันทหาร ไร้แทรกแซง คดี ฆ่า นักเคลื่อนไหวลาหู่ ด้าน “มทภ.3” บอก เปิดหลักฐานไม่ได้ ใช้เป็นหลักฐานสู้คดี ป้องจนท.คนยิงทำถูกตามกฎปะทะ
เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กรณีมรการเรียกร้องให้เปิดกล้องวงจรปิด ดูภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารต่อผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด กรณีวิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาติพันธุ์ชาวลาหู่ ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ทางกองทัพภาคที่ 3 จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยทุกอย่างก็เดินไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ชุดตรวจสอบมี4 ฝ่าย ทั้ง ตำรวจ แพทย์ อัยการ ฝ่ายปกครอง ก็ดำเนินการไป เพราะในส่วนของทหารไม่ได้ทําเพียงฝ่ายเดียว ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า “ถ้าเป็นผม จะกดออโต้”นั้น
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เขาก็ผ่านศึกสงครามมาเยอะ ผมก็ไม่ทราบ ต่างคนต่างคิด ส่วนที่จะยื่นหนังสือต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เพื่อให้ตรวจสอบแม่ทัพภาคที่ 3 นั้น ก็ทำไป”
เมื่อถามว่า กองทัพจะไม่เข้าไปแทรกแซงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะมีหลายหน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่เฉพาะทหารเท่านั้น ดังนั้นสามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีการแทรกแซง ต่างฝ่ายต่างมีองค์กรของของตัวเองทั้ง อัยการ ตำรวจ และทหารก็ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในจำนวนนั้น
ด้าน พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3 กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดทางกองทัพได้ส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อใช้เป็นพยานในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ซึ่งต้องให้ศาลเป็นผู้อนุญาตว่าจะเผยแพร่ได้หรือไม่ เพราะต้องใช้ในการต่อสู้ชั้นศาล อีกทั้งขณะนี้ ตำรวจเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อีกทั้งทางกองทัพไม่เคยปิดบัง แต่ต้องขึ้นกับตำรวจและศาลว่าจะอนุญาตให้เผยแพร่หรือไม่
พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวว่า ส่วนที่กลุ่มเอ็นจีโอ ระบุว่าด่วนสรุปผลการตรวจสอบการวิสามัญนายชัยภูมิเร็วเกินไป นั้น นายชัยภูมิ ใช้อาวุธระเบิดปาใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสิทธิที่จะป้องกันตัว หากใครเจอภาวะแบบนั้นก็ต้องตัดสินใจที่จะยิงต่อสู้เพื่อป้องกันตัว เพราะหากมองกลับกัน นายชัยภูมิก็ใช้วิธีการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันตัวเช่นกัน ทหารจึงต้องใช้อาวุธปืน ในการป้องกันตัว ซึ่งไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะถือว่าเสมอตัว
พล.ท.พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวว่า ทหารคนดังกล่าวได้ปฏิบัติตามกฎปะทะที่ได้กำชับมาโดยตลอด 1.หากไม่จำเป็นเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้อาวุธ 2.จะใช้อาวุธเมื่อจำเป็นและเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น 3.การจะใช้อาวุธต้องมีเป้าหมายที่เจาะจงและชัดเจน โดยไม่ใช้พร่ำเพรื่อ ซึ่งเป็นกฎเหล็กที่ได้ให้ไว้
“ยืนยันว่าพลทหารคนดังกล่าว ปฏิบัติตามกฎการปะทะ และต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วในภาวะวิกฤต และที่สำคัญ พลทหารคนดังกล่าวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกับนายชัยภูมิมาก่อน จึงไม่มีเหตุหรือแรงจูงใจ ในการทำร้ายนายชัยภูมิ โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดนายชัยภูมิซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาถึงขัดขืนการจับกุม และประทุษร้ายเจ้าหน้าที่” พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าว