โฆษก กรธ.ชี้วิจารณ์ร่าง รธน.ได้ แต่ต้องปราศจากอคติ เผย หากนักการเมืองต้องการอะไรให้ขอมา ไม่ใช่อมพะนำ
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง ภาพรวมการร่างรัฐธรรมนูญในช่วง วันที่ 11- 17 มกราคม ที่ชะอำ ว่า ถือเป็นการทบทวนส่วนที่เราได้หารือกันไปแล้วและฝ่ายยกร่างก็ได้ทำมาแล้วคณะกรรมการก็มีการตรวจสอบอีกครั้งซึ่งทำให้เราเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เห็นภาพรวม เพราะที่ผ่านมาการหารืออาจจะเห็นว่าเราแยกเป็นส่วนๆยังมองภาพรวมไม่ออก ส่วนเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญมาตลอด เป็นเรื่องธรรมดาซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อน ว่า ผู้วิพากษ์วิจารณ์มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มผู้มีผลประโยชน์ได้เสียทางการเมืองกับอีกกลุ่ม คือภาคประชาชนซึ่งเข้าใจและไม่เข้าใจ เราต้องชี้แจ้ง แต่กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองการวิจารณ์เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ดีหากเรามีอคติต่อกันก็ไม่มีทางที่จะเห็นดีด้วย ทั้งนี้เรารับฟังทุกอย่าง แต่ต้องแยกคำวิจารณ์อะไรมีอคติ อะไรไม่มีอคติ เราปรับปรุงให้อยู่แล้ว อย่างตอนแรกเราบอกให้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ 5 คน ตอนหลังเราก็ปรับให้เหลือ 3 คน หรือว่าเรื่องสภาผัวเมีย เขาไม่ต้องการกัน เราก็ปรับ เพียงแต่จะให้ปรับทุกเรื่องที่คนไม่เห็นด้วยคงไม่ใช่
นายอุดม กล่าวต่อ ส่วนเรื่องของบทเฉพาะกาลขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาอย่าใจร้อน ซึ่งเรื่องที่ทุกคนกังวลและถามตลอดคือจะมี คปป.หรือไม่เราก็บอกแล้วไม่มี ไม่เห็นจะมีใครบอกว่ามี แต่หากมีการถามว่าเป็นห่วงไหมหากเกิดความขัดแย้งเราก็เป็นห่วงกัน แต่ไม่อยากให้เกิดเช่นนั้นก็ต้องป้องกัน เราไม่เคยคิดว่าจะต้องมีองค์กรอะไรพิเศษแต่คิดว่าเรื่องนี้เกิดจากอะไร ความขัดแย้ง นักการเมืองคอร์รัปชั่น ต้องพูดกันตรงๆ ตนคิดว่าประชาชนรับไม่ได้หากไม่ป้องกันการคอร์รัปชั่น โดยหากไม่ได้ทำจะกลัวอะไร หากไม่มีการคอร์รัปชั่น ไม่ต้องกลัวกฎหมายป้องกัน ส่วนหากนักการเมืองบอกว่า ไม่มีสปอร์เซอร์นักการเมืองอยู่ไม่ได้นักการเมืองต้องบอกมา ไม่มีเงินการเมืองเดินไม่ได้ก็พูดมา กรธ.จะช่วย ไม่ใช่อมพะนำ และหากที่เราร่างบีบไป เล่นการเมืองไมได้ก็ต้องบอกมา ทำไมไม่พูดกันตรงๆ เราต้องยอมรับปัญหาตอนนี้ คือ คนหนึ่งบอกยึดคุณธรรม อีกคนยึดประชาธิปไตย แต่ทั้งสองอย่างต้องมีทั้งคู่ ต้องเลือกสองอย่าง เพราะงั้น กรธ.ต้องคิดพวกนี้
เมื่อถามว่าคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ดีที่สุดหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ต้องฟังหลายจุด เราไมได้คิอว่าจะมีคนชูมือยอมรับ เราไมได้คิดขนาดนั้น เราฟังสภาพความเป็นจริง แต่หากวิจารณ์บนอคติไม่อยู่บนฐานความเป็นจริงก็จบแล้ว กลายเป็นว่าทำไงก็ไม่เห็นด้วยก็ไม่รู้จะฟังสียงวิจารณ์ทำไมเพราะงั้นร่างแรกที่ออกมาไม่ได้หมายความว่าเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไร บางเรื่องเราอาจจะเพิ่มเติม ลดทอนลง สร้างเงื่อนไขให้ไปได้ โดยรัฐธรรมนูญที่ดี ต้องยึดหลักประชาธิปไตย ฟังเสียงประชาชน เพราประชาชนต้องเป็นคนเลือกรัฐบาล แต่รัฐบาลที่มาจากเสียงประชาชนก็ไมได้หมายความว่าทำถูกเสมอไป ต้องทำภายใต้กฎหมาย ทั้งยังต้องยึดถือว่าปฏิบัติได้จริงหากปฏิบัติไม่ได้ก็ต้องมาฟังทำไงให้ปฏิบัติได้ และท้ายสุดรัฐฐธรรมนูญเป็นเชิงบิดเบือนขาดตกบกพร่องหรือไม่ ต้องมาดูเสียงวิจาณณ์ต้องฟัง ตนคิดว่า 21 คนไม่ใช่ซูเปอร์แมน ทุกคนต้องเฮ เราอยากเห็นสังคมของเรามีเหตุผล ไม่ใช่สังคมพวกใครพวกมันเห็นคนนี้ร่างไม่ใช่พวกไม่เอาแล้ว เราต้องการให้คนหมู่มากมีเหตุผลอยู่ร่วมกันได้
