สภาฯ ประท้วงวุ่น ส่งท้ายก่อนปิด ‘เท้ง’ สรุปซักฟอก จวก นายกฯ 3 หนี

สภาฯ ประท้วงวุ่น ขณะ ‘เท้ง’ สรุปภาพรวมซักฟอก ซัด ‘แพทองธาร’ 3 หนี จงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ขาดเจตจำนงแก้ปัญหา จวก ’นายกฯ‘ ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นเหยื่อการเมืองในฐานะ ‘ลูกสาวทักษิณ‘

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม เวลา 21.35 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายสรุปว่า ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิก ประธานฯ คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีที่ได้ใช้เวลาร่วมกันตลอดสองวันที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่ในญัตติ โดยเปิดเป็นประเด็นคำถามว่าพรรคตนและพรรคของนายกรัฐมนตรี คือพรรคเพื่อไทย (พท.) เราอยู่ในหัวอกเดียวกันคือถูกมิติสงคราม ถูกยุบพรรคมาเหมือนกัน จึงมีคำถามว่าเราจะออกจากปัญหานี้อย่างไร ซึ่งท่านก็บอกว่าพรรค พท. มีนโยบายเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วไหนการกระทำไม่เหมือนกับที่ท่านพูด ขออย่าอ้างเรื่องข้อกฎหมายว่ามีความเห็นต่างเรื่องการทำประชามติ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเหตุผลบังหน้าที่อยู่เบื้องหลังการเมือง

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนจะพูดคำว่า ภาวะการเป็นผู้นำน้อยครั้งมาก แต่ที่ตนพูดมาจะเป็นเรื่องคุณสมบัติของนายกฯ ทั้งหมดสามข้อ เรื่องการขาดความรู้ความสามารถ การขาดวุฒิภาวะ และการขาดเจตจำนงทางการเมือง เฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเจตจำนงทางการเมืองของท่านอยู่ตรงไหน โดยเรื่องของความรู้ความสามารถนั้น การที่นายกรัฐมนตรีตอบชี้แจงในที่ประชุมวันนี้ ท่านเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งเรียนรู้กันได้เพราะตนก็เพิ่งเข้าสู่โลกของการเมืองเมื่อปี 2562 หรือ 6 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเพื่อนสมาชิกในพรรคของตน และตนคงไม่ยกตนข่มท่าน ว่าพวกตนมีความรู้ความสามารถมากกว่า

ADVERTISMENT

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องวุฒิภาวะก็เปลี่ยนจากที่เมื่อก่อนที่หากท่านอยู่ฝ่ายบริหาร เป็นเจ้าของบริษัทเอกชน มาเป็นรัฐบาลท่านก็อยู่ฝ่ายบริหาร ท่านอาจใช้วิธีการสั่งได้มากกว่าตำแหน่งอื่นๆ หากท่านรับผิดชอบต่อสภามานั่งอยู่ในสภาแห่งนี้ และฟังเยอะๆ ฟังมากกว่าพูดจะเพิ่มวุฒิภาวะได้ แต่คุณสมบัติข้อสุดท้ายคือการขาดเจตจำนงทางการเมือง ขอถามว่าเหตุผลที่ท่านมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในตอนนี้คืออะไร ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่ท่านนายกรัฐมนตรีตอบคำถามในสภา ก็เหมือนท่านมาเล่าประวัติให้ฟังว่าท่านเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ทุกคนในประเทศนี้เป็นผู้ถูกกระทำจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่ใช่ตัวของท่านนายกรัฐมนตรีคนเดียว ในฐานะบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“หากท่านจะใช้ความเป็นบุตรสาวตั้งคำถามถึงความเป็นบุตรสาวของคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้กับนายทักษิณมา ถามพวกเขาว่าจุดยืนทางการเมืองของพรรค พท.ในวันนี้ ครอบครัวของคนเสื้อแดงที่พวกเขาต้องสูญเสียไป ลูกสาวของพวกเขารู้สึกอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าหลายคนรู้สึกโกรธ รู้สึกเศร้าและหมดหวังกับการเมืองที่เป็นอยู่ในวันนี้ หากเราจะเอาเรื่องเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาพูดก็จะไม่เดินหน้า แต่แน่นอนว่าเราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ รู้ที่มาที่ไป วนเวียนอยู่ซ้ำซากเช่นนี้ สำหรับผมความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี หากจะให้ผมสรุปแค่สองประโยค เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย 20 ปีที่แล้วประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่างเพื่อพาคุณทักษิณออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใครขอให้ทุกท่านคิดเอง ใครต้องพาคุณทักษิณออกไปแต่เราต้องแลกกับทุกอย่างในประเทศนี้ และ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยก็กำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอาทักษิณ ชินวัตร กลับมาในประเทศนี้ เป็นสิ่งที่ผมพยายามสื่อสารว่าดีลแลกประเทศคืออะไร และวันนี้ก็กลายเป็นครอบครัวของท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีหลายคน เพื่อนสมาชิกหลายคนที่ผมพยายามกล่าวหา แต่ก็คิดว่าไม่ได้กล่าวหาแต่ก็เป็นข้อเท็จจริง มันไปร่วมกับกระบวนการกับพวกเขาแล้วจะไปเปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้ นี่คือการอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริง“ นายณัฐพงษ์ กล่าว

ADVERTISMENT

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตลอดสองวันที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพยายามโยนคำกลับมาหาพวกตน ว่าพวกตนเป็นพวกชอบประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าถ้าเป็นญัตติทั่วไป อยู่ดีๆ ตนคงไม่ลุกขึ้นมากล่าวหาพวกท่านเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เป็นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อกล่าวหาพวกท่านก็ชี้แจง หากมองอีกมุมหนึ่งท่านก็บอกว่ากำลังทำหน้าที่ กำลังเรียนรู้และกำลังมีวุฒิภาวะ แต่ท่านกลับใช้วิธีการที่พวกตนใช้วิธีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยการโยนข้อกล่าวหากลับมาให้พวกตน มันถูกต้องหรือ ตรรกะตนว่ามันย้อนแย้ง

นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการที่ท่านบอกว่า ตัวท่านถูกวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าท่านขาดภาวะผู้นำ ในการกดหรือว่าคนอื่นกลับมา ท่านคิดว่าเป็นตรรกะที่ดีหรือไม่ เป็นสิ่งที่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีควรทำหรือไม่ ทั้งนี้สำหรับข้อกล่าวหาที่นายภูมิธรรมบอกว่าพวกตนไม่มีข้อมูลใหม่นั้น ยืนยันว่าพวกตนมีข้อมูลใหม่ แต่หากจะคิดตามกรอบที่ท่านบอกว่าเป็นเรื่องเก่า ซึ่งหากเป็นเรื่องเก่าแล้วทำผิด ทำไมพวกท่านจึงไม่แก้ไข ไม่ว่าจะเป็นสัมปทานทางด่วน ค่าไฟฟ้าที่แพง เหมืองทองอัครา ซึ่งตนรู้ว่าบางอย่างก็ไม่ได้เพิ่งเกิดในรัฐบาลชุดนี้ แต่พวกท่านอยู่ในอำนาจ ใช่หรือไม่ แล้วทำไมพวกท่านจึงไม่ออกมายืนยัน กับพวกเราว่าท่านจะแก้ไข เช่น เรื่องเหมืองทองอัคราที่หากย้อนกลับไปก็มีดิจิทัลฟรุตปรินท์ มีหลักฐานเยอะแยะ

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องคำว่าดีลที่ท่านนายกฯ บอกว่าเป็นเรื่องปกติในโลกการเมือง คนเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติแต่เราจะดีลอย่างไรให้เป็นเรื่องโปร่งใสและประชาชนได้ประโยชน์ นั่นเป็นที่มาสาระสำคัญที่ทำให้พวกเราได้มาอภิปรายอยู่ตรงนี้สองวัน และพวกเราจึงต้องกล่าวหาว่าตกลงแล้วเหตุและผลในการตัดสินใจในการทำนโยบายแต่ละด้าน เหตุและผลในการที่ท่านต้องโกหกประชาชนที่ท่านเคยได้สัญญาไว้มันคืออะไร ขอให้ลองอธิบายให้พวกเราเข้าใจ เราจะได้เข้าใจโลกของการเมืองมากขึ้น แต่ท่านกลับไม่เคยเอาเหตุผลจริงๆ มาพูด เพราะท่านพูดไม่ได้ พูดไปแล้วก็ไม่มีใครที่จะเข้าใจ ซึ่งที่ท่านพูดไม่ได้ก็เพราะว่าดีล นั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ แต่ดีลนั้นเป็นไปเพราะผลประโยชน์ตกอยู่ที่กลุ่มไม่กี่คน ถ้าดีลที่เกิดขึ้นแล้วประโยชน์ตกอยู่ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศ ถ้านักการเมืองออกมาพูดก็จะหล่อจะตาย แต่ทำไมพวกท่านไม่ออกมาพูด เพราะมันไม่ใช่จึงเป็นที่มาที่พวกตนต้องออกมาตั้งคำถาม

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งจากการอภิปรายมาสองวันมีหลายประเด็นที่พวกตนต้องการคำตอบจากคณะรัฐมนตรี เช่น เรื่องภาษีการรับให้ ที่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ลุกขึ้นมาตอบคำถามว่าวางแผนที่จะจ่ายอยู่แล้ว ตนจึงมีคำถามว่าหากเพื่อนสมาชิกไม่ลุกขึ้นมาถามคำถามนี้ ท่านวางแผนจะจ่ายภาษีเมื่อไหร่ หรือจะรอไปเรื่อยๆ เพราะตั๋ว PN ไม่มีกำหนดชำระ ไม่มีดอกเบี้ย นอกจากนี้ ยังขอถามว่าหากนักธุรกิจที่มีเงินแบบท่านนายกรัฐมนตรี แล้วกำลังจะมีการโอนหุ้นให้กับคนในครอบครัว ใช้วิธีการเดียวกับนายกรัฐมนตรีทุกๆ คนทั้งประเทศ ถามโดยสามัญสำนึกของวิญญูชนทั่วไปว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ประเทศไทยจะจัดเก็บภาษีมรดกจากกรณีนี้ได้เท่าไหร่ คำตอบคือศูนย์บาท เราจะมีภาษีมรดกไว้ทำไม ฉะนั้น สำหรับตนประเด็นนี้ไม่ต้องเล่นโวหาร ไม่ต้องเถียงกันว่าหนีภาษี เอาเป็นว่าตนเรียกมันว่าธุรกรรมอำพราง วางแผนเพื่อหนีภาษี เอามาสมาสกันให้หมดเพื่อจะได้เห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ปัญหาค่าไฟแพง นายกรัฐมนตรีก็ใช้เทคนิคเดิมตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยซื้อไฟฟ้าเพิ่ม แต่ก็จะยังสืบสานแผนที่ผิดๆ ต่อไปหรือไม่ ขณะที่บิดาของนายกรัฐมนตรีมีภาพไปตีกอล์ฟกับกลุ่มทุนพลังงาน เหตุใดจึงตั้งคำถามไม่ได้ หรือเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า ขอให้นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นตอบว่าจะปรับปรุงเรื่องนี้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายณัฐพงษ์กล่าวสรุป ได้มี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน โดยเฉพาะพรรค พท. เช่น น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่, นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ ประท้วงและคัดค้านว่า ผู้นำฝ่ายค้านได้ตั้งคำถามใหม่ ทั้งที่การอภิปรายจบไปแล้วและรัฐบาลไม่สามารถตอบได้อีก โดยมี สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นแย้ง ขณะที่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นแสดงความเห็นด้วยกับ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในขณะนั้น วินิจฉัยว่า เป็นการสรุปข้อกล่าวหาที่ผ่านมาในการอภิปราย แต่ขอให้นายณัฐพงษ์ไม่เปิดประเด็นใหม่ และไม่ต้องตั้งคำถาม เพราะฝ่ายรัฐบาลจะไม่ได้ตอบแล้ว ขอให้สรุปเนื้อหา ก่อนที่จะถึงเวลา 23.00 น.

จากนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่านายกรัฐมนตรีสามารถใช้สิทธิ์พาดพิงตอบคำถามตนได้เสมอ เพราะจะมีการพาดพิงนายกรัฐมนตรีตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาแล้ว จึงทำให้มีเสียงโห่จากสมาชิกในห้องประชุม นายวันมูหะมัดนอร์จึงห้ามไม่ให้โห่ และกล่าวว่า นายณัฐพงษ์สามารถใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับได้

ก่อนที่นายณัฐพงษ์ จะกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องที่ดิน Thames Valley คือเรื่องโฉนดที่ดิน ซึ่งยังยืนยันว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่การประกอบธุรกิจโรงแรมถูกต้องหรือไม่นั้น โรงแรมแห่งนี้เริ่มธุรกิจตั้ง 2557-2562 จึงไม่แน่ใจว่าถูกกฎหมายหรือไม่ ส่วนประเด็นเรื่องชั้น 14 ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่นายกรัฐมนตรีอยู่ในพยานรู้เห็นสถานะของคุณพ่อตนเองมาตลอด เราอยากได้คำตอบว่านายทักษิณป่วยเป็นอะไรแน่ จึงทำให้ได้รักษาตัวที่ชั้น 14 สำหรับเรื่องคอลเซนเตอร์ มีการอภิปรายมานาน แต่ยังสงสัยว่าเรื่อง พ.ร.ก.ที่กำหนดการร่วมรับผิดชอบของสถาบันการเงิน เมื่อใดจะออกมาสักที ก็ยังไม่ได้คำตอบ

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า อย่างน้อยถ้านายกรัฐมนตรีจะแสดงออกว่ามีเจตจำนงทางการเมืองจริง เราอยากได้ยิน 3 ข้อจากรัฐบาล คือเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้ ที่เราตั้งชื่อว่า ดีลแลกประเทศ จะหยุดเอาใจกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจเดิม เลิกบิดเบือนกฎหมาย เปลี่ยนดำเป็นขาว และยังคงรอนายกรัฐมนตรีใข้สิทธิพาดพิงอยู่ แต่ท่านก็ไม่มา จึงน่าเสียดายที่ประชาชนไม่ได้รับฟังคำตอบจากนายกรัฐมนตรี

“ผมขอกล่าวหานายกรัฐมนตรีให้เกิดความเสียหายว่านายกรัฐมนตรีจงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองในฐาะนายกรัฐมนตรี ท่านไม่มีความรู้ความสามารถ ท่านไม่มีความตั้งใจแก้ไขปัญหาเอาแต่ตัวเลขดีๆมาหลอกสังคม ซึ่งท่านมี 3 หนี คือ หนีความจริง หนีภาษี และหนีหน้าที่ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป” นายณัฐพงษ์ กล่าว

จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ได้แจ้งที่ประชุมนัดลงมติในเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มีนาคม ก่อนสั่งปิดประชุมเวลา 22.25 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image