‘กมธ.ปกครองฯ’ เชิญ 5 หน่วยงานถกระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว ‘ปภ.’ รับระบบเซลล์บรอดแคสต์ล่าช้า เหตุติดเรื่องงบประมาณ เผยส่งข้อความแจ้งเตือน ปชช.ช้า เพราะเรื่องเชิงเทคนิค ขณะที่ ‘กสทช.’ เผยรออัพเดต IOS พัฒนา ‘เฟิร์มแวร์’ ชี้หากทดลองแล้วใช้ได้ ระบบเซลล์บรอดแคสต์อาจจะสมบูรณ์ ก.ค.นี้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 เมษายน ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นประธาน มีวาระพิจารณาศึกษาแนวทาง ปฏิบัติเกี่ยวกับระบบแจ้งเตือนภายในกรณีเหตุภัยพิบัติกรณีศึกษาเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมให้ข้อมูล
โดยนายกรวีร์ได้ให้หน่วยงานต่างๆ ที่เข้าให้ข้อมูลชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาที่พบ เรื่องระบบแจ้งเตือนภัย รวมถึงการจัดทำระบบ Cell Broadcast (เซลล์บอร์ดแคสต์)

รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงว่า เราเป็นหน่วยงานต้นน้ำในการมอนิเตอร์เหตุการณ์แผ่นดินไหว และเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนอกประเทศ แต่เรามีเซ็นเตอร์ตรวจวัดเฉพาะในประเทศ ฉะนั้น จึงต้องอาศัยการแชร์ริ่งระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศ ระยะเวลาการเดินทางเข้ามาของคลื่นและคำนวณหาสถานที่นั้นมีบางส่วนที่ดีเลย์ไปนิดหน่อย ทั้งนี้ เรามีข้อจำกัดด้านข้อมูลเนื่องจากปริมาณของตัวเซ็นเซอร์ตรวจวัดในประเทศเมียนมานั้นค่อนข้างมีน้อย ทำให้ค่าต่างๆ ในคำนวณอาจจะไม่มีความแม่นยำเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อข้อมูลมาถึงเราก็ใช้ระยะเวลาส่วนหนึ่งในการคำนวณหาค่าพารามิเตอร์ต่างๆ โดยใช้สถานีตรวจวัดที่มีอยู่ทั่วประเทศเพื่อรับข้อมูลและนำมาคำนวณ โดยมีการส่งข้อความต่างๆ ไปทางเอสเอ็มเอส เฟซบุ๊ก และไลน์ ในเวลา 13.35 น. ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าวประมาณ 15 นาที แต่ปัญหาคือเมื่อได้รับข้อความในช่วงแรก ประชาชนแตกตื่น พยายามวิ่งหาข้อมูลต่างๆ ทำให้มีการดีเลย์ไปส่วนหนึ่ง เพราะมีคนเข้ามาใช้มากกว่า 100 เท่าของที่เคยใช้
รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวต่อว่า ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เรื่องภัยต่างๆ กรมอุตุฯไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบ แต่เป็นหน่วยงานอื่น เช่น ปภ. กระทรวงมหาดไทย ที่จะเป็นผู้ดำเนินการต่อในเรื่องการแจ้งเตือนให้ประชาชนได้ทราบ ส่วนกรณีที่เป็นภัยพิบัติด้านอื่นๆ นั้น เรารับผิดชอบเรื่องพายุ สภาพอากาศต่างๆ ที่เป็นภัยกระทบต่อประชาชนและสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ แต่แผ่นดินไหวในขณะนี้ไม่มีประเทศไหนที่จะสามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า ซึ่งเราจะพยายามแจ้งเตือนให้เร็วที่สุดตามที่สามารถทำได้
ด้าน ผู้แทน ปภ. ชี้แจงว่า การทำงานด้านสาธารณภัยเป็นการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน หากเป็นเรื่องของแผ่นดินไหว พยากรณ์อากาศ ฝนตกหนัก สารตั้งต้นจะมาจากกรมอุตุฯที่มีตัวเซ็นเซอร์ข้อมูลต่างๆ หลังจากนั้นเมื่อมีการวิเคราะห์ประมวลผลแต่ละหน่วยงานก็จะส่งชุดข้อมูลต่างๆ มายังหน่วยงาน ซึ่งเรื่องแผ่นดินไหว ปภ.ได้รับข้อมูลจากกรมอุตุฯ ผ่านเอสเอ็มเอสเบื้องต้นในเวลา 13.36 น. เมื่อได้รับเอสเอ็มเอสมาถึงปภ. เราก็มีการยืนยันและสอบถามไปที่กรมอุตุฯ ว่าเหตุรุนแรงแค่ไหน และได้มีการดำเนินการต่อในเวลา 13.44 น. โดยส่งข้อความไปยังผู้ว่าฯ จังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เป็นเอสเอ็มเอสภายในที่ดำเนินการตามเอสโอพีปกติ หลังจากนั้นเมื่อเห็นกระบวนการจึงมีการส่งแจ้งเตือนในช่องทางต่างๆ ทางโซเชียลมีเดีย

ผู้แทน ปภ.กล่าวต่อว่า เอสเอ็มเอสมี 2 แบบ แบบแรกที่เราดำเนินการเร็วคือที่เราจ่ายเงินเอง เพราะเราจะมีเบอร์อยู่ที่อยู่ในฐานข้อมูลเราอยู่แล้ว ฉะนั้น เวลาเราส่งจะสามารถส่งได้เลยตามจำนวนเบอร์ที่เราทราบ หลังกระบวนการวิเคราะห์เสร็จ เราก็มีการประชุมและติดตามสถานการณ์ตลอด และได้ผลิตเอสเอ็มเอสเพื่อแจ้งเตือนประชาชนเบื้องต้น โดยแจ้งผ่านสื่อมวลชนและโซเชียลต่างๆ แต่ประชาชนอาจจะได้รับการแจ้งเตือนที่ไม่ทั่วถึง จึงได้มีการส่งเป็นเอสเอ็มเอสอีกครั้งเพื่อให้ประชาชนที่เราไม่มีเบอร์ได้รับทราบ โดยได้ประสานกับ กสทช.ขอส่งเอสเอ็มเอส ซึ่งจะต้องมีหนังสือนำ แต่จริงๆ เรามีไลน์กลุ่มทั้งฝั่ง กสทช. โอเปอร์เรเตอร์ว่าเราจะเริ่มกระบวนการส่งเอสเอ็มเอสแล้ว จากนั้น กสทช.จึงได้ประสานกับเครือข่ายมือถือเพื่อส่งเอสเอ็มเอสไปยังประชาชน ซึ่งต่างจากครั้งแรกที่เป็นเบอร์ที่เรามีอยู่แล้ว เป็นเบอร์หน่วยงานต่างๆ
ตัวแทน ปภ.กล่าวด้วยว่า ส่วนเอสเอ็มเอสครั้งที่สอง ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่เขาต้องหาเบอร์ให้ได้ก่อน และต้องดูว่าในแต่ละจุดมีหมายเลขอะไรอยู่บริเวณนั้นบ้าง โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเมื่อได้เบอร์มา ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่จึงจะส่งเอสเอ็มเอสไปอีกครั้ง กระบวนการการประสานงานจากฝั่ง กสทช.ไปยังโอเปอร์เรเตอร์ หรือจาก ปภ.ไปยังกสทช.และโอเปอร์เรเตอร์นั้นไม่ล่าช้า ตนการันตี แต่ที่ล่าช้าเป็นเรื่องเชิงเทคนิคที่ต้องได้เบอร์ของประชาชนก่อน ครั้งแรกที่เราส่งในพื้นที่ กทม. รวมกับปริมณฑลอีก 4 จังหวัด มีประมาณ 20 ล้านเลขหมาย โดยกระบวนการส่งของเอสเอ็มเอสเป็นแบบลำดับ
“ปัญหาอีกอย่างคือเอสเอ็มเอสเป็นช่องสัญญาณเดียวกับโทรศัพท์ ซึ่งตอนนั้นคนโทรศัพท์กันเยอะ เพราะมีการแพนิค เมื่อมีการส่งเอสเอ็มเอสไปแล้วท่านโทรศัพท์อยู่ ช่องสัญญาณชนกัน หากท่านไม่ได้ก็จะไม่ได้อีกแล้ว ไม่ต้องรอ เพราะเป็นการลำดับ และที่เครือข่ายโทรศัพท์บอกคือหากจะส่งไป 1 แสนหมายเลขก็จะต้องยิงไป 1 แสนหมายเลขก่อน จากนั้นค่อยยิงไปอีก 1 แสนเลขหมาย ใครที่ช่องสัญญาณติดขัดก็จะไม่ได้ข้อความ แต่เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ทาง AIS ก็บอกว่าพัฒนาใหม่ 1 ชั่วโมงสามารถส่งข้อความได้ 1 ล้านหมายเลข แต่ต้องรันคิวก่อนเหมือนกัน ยืนยันว่าเอสเอ็มเอสไม่สามารถนำมาใช้กระบวนการแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนได้ แต่เราใช้เอสเอ็มเอสเพราะมีเบอร์อยู่ในมือเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแจ้งเตือนภัยได้เบื้องต้น” ตัวแทน ปภ.กล่าว
ตัวแทน ปภ.กล่าวต่อว่า สำหรับระบบเซลล์บอร์ดแคสต์นั้น จะยิงแจ้งเตือนทั้งหมดเป็นช่องสัญญาณพิเศษ ไม่ใช่ช่องสัญญาณโทรศัพท์ปกติ หากใช้โทรศัพท์อยู่ท่านก็สามารถรับการแจ้งเตือนได้ อีกทั้งเป็นระบบป็อปอัพที่หน้าจอเลย ไม่ต้องกดเข้าไปดูการแจ้งเตือน ปัจจุบันเรากำลังพัฒนาอยู่ ยอมรับว่ามีกระบวนการที่ล่าช้าเนื่องจากเรื่องงบประมาณ รวมถึงเป็นระบบที่ใหม่ มีการศึกษากระบวนการและเริ่มดำเนินการ เมื่อราคาสูงก็จะมีบางบริษัทจ้อง มีกระบวนการที่กว่าจะได้มา เราเซ็นสัญญาณวันที่ 27 มีนาคม ก่อนแผ่นดินไหว 1 วัน แม้จะได้ผู้รับจ้างตั้งแต่ต้นปี แต่กระบวนการที่ใช้งบมากกว่าร้อยล้านต้องมีการอุทธรณ์ แต่หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว ปภ.จะเร่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ เราจะปรับกระบวนการแจ้งเตือน เราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยในวันที่ 3 เมษายน ทาง ปภ.เชิญ กสทช. กรมอุตุฯ กรมทรัพยากรธรณี ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ มาหารือกัน
ด้าน นายสุธีระ พึ่งธรรม ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ชี้แจงว่า ในส่วนของภาควิทยุและโทรทัศน์ภายใน 5 นาทีเราส่งข้อความแจ้งเตือนหลังจากที่ได้รับข้อความจากปภ. ขึ้นตัววิ่งที่โทรทัศน์และเสียงในวิทยุ ส่วนในโทรคมนาคมมีข้อจำกัดว่าตัว SMS ไม่เหมาะกับการเตือนภัย ที่เหมาะคือเซลล์บรอดแคสต์ ซึ่งเรากำลังดำเนินการอยู่ และเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช.ได้มีการทดลองระบบ โดยดึงเฉพาะส่วนของซีบีซีที่เป็นตัวรับแจ้งข้อความ และเราลองทดสอบส่งดูในพื้นที่ภูเก็ต

“จากการทดสอบพบว่าสามารถใช้งานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ส่วนข้อจำกัดของเซลล์บรอดแคสต์ในปัจจุบัน ฝั่ง ปภ.ที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างยังไม่แล้วเสร็จ ข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้นคือระบบปฏิบัติการ iOS ไม่สามารถส่งได้ นั่นหมายความว่าระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รับได้หมดแล้ว ฉะนั้น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ได้เชิญ Apple Thailand มาและได้รับปากว่าจะประสานกับสหรัฐอเมริกาไปอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้ภายใน 5 วัน และจะมีการทดลองกันอีกรอบในระบบ iOS” นายสุธีระกล่าว
นายสุธีระกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาจะเป็นบทเรียนและสิ่งที่จะไปต่อคือต้องทำระบบเซลล์บรอดแคสต์ให้ใช้ได้ในระดับหนึ่งไปก่อน และหากทาง Apple ของสหรัฐอเมริกาได้อัพเดตเฟิร์มแวร์และทดสอบใช้ได้จริง เซลล์บรอดแคสต์ก็เกือบจะสมบูรณ์ แต่หากอัพเดตแล้วใช้ไม่ได้ เราก็จะใช้ SMS เป็นส่วนช่วยสำหรับกลุ่ม iOS หมายความว่า เซลล์บรอดแคสต์จะใช้กลุ่มแอนดรอยด์ และ SMS จะเหลือน้อยลง จะเหลือเฉพาะกลุ่มที่ใช้ iOS หรือกลุ่มใช้ Apple ก็จะเป็นทางออกในช่วงสถานการณ์ที่ความสมบูรณ์ของเซลล์บรอดแคสต์ยังไม่จบ ย้ำว่าขอให้รอการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของ Apple แล้วมีการทดสอบ หากสมบูรณ์ทั้งหมดก็จะสามารถส่งข้อมูลได้ และในทางเทคนิคคือการกระจายเซลล์บรอดแคสต์ คือการกระจายจากตัวเซลล์ หรือสถานีฐานไปยังลูกข่ายที่เกาะอยู่ในเซลล์นั้น ฉะนั้น เป็นระบบที่ตอบโจทย์เรื่องนี้จริงๆ
ขณะที่ นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงดีอี กล่าวว่า ได้มีการประสานงานกับ ปภ. อย่างใกล้ชิดในเรื่องการจัดทำเซลล์บรอดแคสต์ที่เป็นระบบกระจายสัญญาณในจุดที่เกิดเหตุ ทางกระทรวงดิจิทัลฯ มีบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่มีลูกค้าอยู่ในความรับผิดชอบประมาณ 2 ล้านราย ก็กำลังดำเนินการในการทำระบบเซลล์บรอดแคสต์อยู่ และในส่วนของการรับส่งข้อมูลจากปภ. ทางกระทรวงดิจิทัลฯ ได้รับผิดชอบในส่วนของการจัดทำระบบคลาวด์ เพื่อรองรับให้กับปภ. ฉะนั้น กระบวนการในการปฏิบัติทางปภ.เป็นผู้ส่งข้อมูล และส่งผ่านระบบเพื่อส่งตรงไปยังโอเปอเรเตอร์ ยืนยันว่ามีการดำเนินการร่วมกัน และคิดว่าน่าจะแล้วเสร็จประมาณไม่เกินเดือนกรกฎาคม