มท.1 ขอบคุณ นายกฯ ให้ความสำคัญปกครองท้องถิ่น ลั่น มหาดไทย ยุคนี้ต้องไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 3 เมษายน ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น” ในโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารราชการระหว่างภูมิภาค และท้องถิ่นเพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟัง
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงมหาดไทยต้องการให้การทำงานบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งภาคข้าราชการประจำ และภาคการเมือง ทำให้นโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดถูกหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดัน และขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด หลายคนเพิ่งผ่านการเลือกตั้งนายก อบจ. นอกจากนี้ ตนขอแสดงความยินดีที่วันนี้นายก อบจ. มาครบทั้ง 76 จังหวัด เป็นนิมิตหมายที่ดีที่เมื่อเช้านายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติพวกเรามาทำพิธีเปิดการประชุม นี่คือภาพยืนยันว่า รัฐบาลเราขับเคลื่อนประเทศจะมีพรรคการเมืองไม่ได้ เราเป็นรัฐบาล เป็นคนที่ประชาชนเลือกมา ถ้าคิดว่าเป็นงานของมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้อยู่พรรคเดียวกับนายกฯ หากคิดแบบนี้ผิดตั้งแต่แรก เป็นรัฐบาลจะแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ได้
นายอนุทิน กล่าวว่า นี่คือโอกาสที่นายกฯจะได้เจอได้เห็นหน้ากับผู้บริหารฝ่ายปกครองท้องถิ่น และผู้ว่าฯทั่วประเทศ ซึ่งนายกฯให้ความสำคัญแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายก อบจ. ที่เป็นมือไม้สำคัญในการช่วยนำนโยบายของรัฐบาลไปบริหารผ่านการบริหารระบบราชการ เรื่องของบ้านเมือง และประชาชนไม่มีพรรคการเมือง มีแต่รัฐบาลเดียวกันที่จะคอยสนับสนุน และให้ความร่วมมือ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนอยู่กระทรวงมหาดไทยโชคดีที่มีพื้นฐานทางการเมืองระดับหนึ่ง ทำให้คุ้นเคยกับพรรคการเมือง และสมัยรัฐบาลที่แล้วตนอยู่กระทรวงสาธารณสุข เปรียบเหมือนมหาดไทยทางการแพทย์ที่ดูแลทุกจังหวัด มีโอกาสสัมผัสกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายก อบจ. แม้ว่าบางคนเป็นมือใหม่ป้ายแดง แต่ก็พวกกัน 76 จังหวัดถือว่าเป็นพวกเดียวกันหมด เราเป็นมืออาชีพเพียงพอ บางจังหวัดเป็นสายงานของอีกกลุ่มหนึ่งพรรคการเมืองหนึ่ง แต่วันนี้การทำงานไม่มีเรื่องของแบ่งแยก การให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายก อบจ. อยู่ร่วมกัน ความล้มเหลวเกิดขึ้นไม่ได้จะต้องมีความสำเร็จ และประสิทธิภาพ เป้าหมายเราทุกคนคือประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ต้องอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องมีเงิน มีอาชีพ มีโอกาส นี่คือเจตนารมณ์ของคำว่า บำบัดทุกข์บำรุงสุข อีกไม่กี่เดือนก็ครบสองปีที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย
“เป็นรัฐมนตรีเดินทางต่างประเทศไม่ได้ก็เดินทางในประเทศให้เยอะที่สุด ไม่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ ทำให้คุ้นเคย และรู้จักนายก อบจ. แต่ละคนมากขึ้น” นายอนุทิน ระบุ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า การมาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องการให้เกิดแรงบันดาลใจให้กับนายก อบจ.ทั้งหลายที่ต้องการพัฒนาให้พื้นที่ ทุกอย่างต้องเกิดจากประสบการณ์ ความกล้า ความท้าทาย และการติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเมืองก็จะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งต้องพัฒนาให้ทุกจังหวัดเป็นเมืองน่าเที่ยว ไม่ใช่เมืองหลักเมืองรองอีกต่อไป ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายก อบจ. จะต้องช่วยกันหาเอกลักษณ์ให้จังหวัด ให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในยุคตนเองว่า 1.การปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมทั้งหนี้นอกระบบให้ใช้กลไกของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ ผู้ว่าฯ และนายก อบจ. คือผู้มีอิทธิพลตัวจริง แต่เป็นผู้มีอิทธิพลที่สร้างความดีให้กับประชาชน ท่านจับมือกันเมื่อไหร่โจรหมดเมือง ไม่มีใครสามารถทานพลังของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ และผนวกกับความร่วมมือของนายก อบจ. ถ้าตนเป็นผู้ว่าฯ จะนำความคิดของคนเหล่านั้นให้นำอิทธิพลมาใช้ประโยชน์
2.ยาเสพติด เราเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพล ต่อต้าน ทำลาย ปราบปรามอย่างมีประสิทธิภาพที่ติดต้องพึ่งองค์กรปกครองท้องถิ่นที่รู้ความเคลื่อนไหวในชุมชน สิ่งที่ตนเชื่อคือ ทำพร้อมกัน ทำอย่างต่อเนื่อง ปัญหาปราบปรามยาเสพติดจะได้รับการจัดการเช่นเดียวกับปัญหาของผู้มีอิทธิพล 3.สร้างอาชีพ เปิดโอกาสให้คนมีรายได้ ช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของประชาชนมีประสิทธิภาพ และราคาดี ดังนั้น ทุกจังหวัดจะต้องมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ในการประสานงานกับประชาชน เพื่อให้เกิดความเติบโตทางเศรษฐกิจ และ 4.ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและสร้างความเข้มแข็ง ของเศรษฐกิจฐานราก ทุกจังหวัดต้องมีแรงดึงดูดให้คนมาท่องเที่ยว และผู้ว่าฯ ทุกคนได้รับการจัดสรรงบประมาณในการดูแลจังหวัด
“ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะนายก อบจ. หรือจังหวัดที่มี สส.พรรคภูมิใจไทย ไม่ต้องกังวลผมแยกเป็น และผมชอบการแข่งขัน“ นายอนุทิน ระบุ
โดยช่วงหนึ่ง นายอนุทิน ได้เปรียบการทำงานเหมือนการตีกอล์ฟ เมื่อมีการแข่งขันเลือกตั้งทั่วไป ท่านอยู่พรรคไหน เราอยู่พรรคไหนก็แข่งขันกัน เหมือนตีกอล์ฟ ตนคิดอย่างนี้จริงๆ
”เวลาลูกพรรคภูมิใจไทยแพ้เลือกตั้ง ผมไม่เคยว่าเขาเลย ใครแพ้มา ผมบอกโอ๊ยคุณนี้สมควรแพ้ แบบนี้ไม่มี ผมไม่เคยซ้ำเติม ถ้าเขาแพ้บอกว่าเขาทำงานไม่พอ เที่ยวหน้าต้องเอาให้หนักกว่านี้ ไม่มีซ้ำ เพราะซ้ำเท่ากับว่าตัวเอง แต่ถามว่าทำดีที่สุดแล้วหรือยัง เหมือนตีกอล์ฟซัดเข้าไปเต็มๆ ไม่เคยออมมือ ที่แพ้เพราะหลุมนั้นตีไม่ดีสู้เขาไม่ได้ ผมมีความคิดแบบนี้จริงๆ จึงอยากให้ท่านทั้งหลาย อย่าปล่อยโอกาส พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์และความผูกพัน มีความรักรอยยิ้มให้กันกระทรวงมหาดไทย“ นายอนุทิน ระบุ
นายอนุทิน ระบุอีกว่า วันที่อนุทินเป็นรัฐมนตรี จะกี่เดือน กี่ปีก็แล้วแต่ ไม่สำคัญมันสำคัญที่ มท.1 เรียกปลัดว่าพี่ เรียกอธิบดีว่าพี่ เรียกผู้ว่าฯ และนายก อบจ.ว่าพี่ และท่านเหล่านั้นก็เรียกตนว่าพี่เหมือนกัน หลัก วปอ.เรียกกันว่าพี่ทั้งหมด ทั้งรัก ทั้งผูกพัน ทั้งเกรงใจ สิ่งเหล่านี้เมดอินไทยแลนด์หมดฝรั่งไม่มี คนจีนก็ไม่มี มีแต่ประเทศไทย มีกุศโลบายที่ดีมาก เมื่อเรียกว่าพี่กัน บางทีอัดกันแรงๆก็ลดลงมาหน่อย แต่พอคุยไปคุยมาแล้วมันเกิด ความผูกพันก็จะเกิดขึ้น แล้วความร่วมมือจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีวันที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่ ไปทำให้คนที่เรารู้สึกชอบ ไม่ชอบ ได้ดีได้เสีย ตนเป็นคนที่เคารพในแนวทางที่ถูกต้อง ฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่า ทุกคนที่ทำงานเป็นคนมีฝีมือ มีน้ำใจ มีความเข้าใจประชาชนแบบทุ่มเททุกคน ถือว่าเราจะต้องทำงานด้วยกันได้อย่างมีคุณภาพ และย้ำว่าเวลาจะอนุมัติไม่ใช่อนุมัติให้ท่าน แต่อนุมัติให้ประชาชน ถ้าตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็เป็นประชาชนของตนเหมือนกัน เพราะถ้าตนบอกว่าไม่อนุมัติประชาชนจะยอมหรือ ดังนั้น ขอให้มั่นใจงบประมาณมหาดไทย 4 แสนกว่าล้านบาท วันหนึ่งผมก็เคยมีเงินอยู่แสนกว่าบาทก็เคยหมุนเงินได้ วันนี้กระทรวงมหาดไทยก็มีคนหมุนเงินเก่งไว้คนหนึ่งเช่นกัน ทำได้หมด ขอให้มั่นใจ แล้วเรามาหาวิธีในการทำงานร่วมกัน