‘เพื่อไทย’ แจงยิบ เลื่อนวาระเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯของสัปดาห์หน้า ไม่ใช่แซงคิวญัตติแผ่นดินไหว อัดฝ่ายค้านทำให้เป็นเรื่อง ยันนโยบาย รบ. ให้ 2 วันพิจารณา ไม่ใช่ตีหัวเข้าบ้าน ย้ำไม่ได้เร่ง แต่พิจารณากันมานานแล้ว เชื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 3 เมษายน ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายสุทิน คลังแสง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แถลงภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเลื่อนระเบียบวาระร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นเรื่องด่วนที่จะพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน โดยนายอนุสรณ์กล่าวว่า จากที่ตนเสนอเลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวขึ้นมานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะเสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาในวันนี้ แต่จะเป็นการเลื่อนขึ้นมาพิจารณาในการประชุมสภา ครั้งถัดไป คือวันที่ 9 เมษายน ซึ่งเมื่อมีการเสนอเลื่อนแล้วก็มีการสื่อสารที่เข้าใจผิด ยืนยันว่าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พรรค พท.และรัฐบาลให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งเราเตรียมที่จะอภิปรายไว้แล้วอย่างครบถ้วนทุกมิติ ย้ำว่าไม่มีความจำเป็นที่พรรค พท.จะเลื่อนระเบียบวาระเกี่ยวกับร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯมาตัดหน้าญัตติด่วนเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่วนที่ต้องมีการพิจารณาระเบียบวาระเกี่ยวกับร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯในสัปดาห์หน้านั้น เพราะเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลที่จะเป็นการสร้างรายได้ใหม่ของคนไทย
ด้าน นายสุทินกล่าวว่า อยากอธิบายให้ประชาชนได้ทราบว่า เรื่องเล็กทำเป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีเรื่อง แต่ทำให้เป็นเรื่องเท่านั้น วันนี้ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลมีเจตนาที่จะมาพูดเรื่องแผ่นดินไหวเหมือนกัน แต่เรามีความจำเป็นต้องพูดถึงว่าสัปดาห์หน้าเราจะพิจารณาเรื่องอะไรกัน เพราะมีข้อบังคับการประชุมสภาว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.แล้วจะต้องมีการเลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาพิจารณานั้น ต้องเลื่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ฉะนั้น หากจะพิจารณาในสัปดาห์หน้า ต้องมีการเสนอเลื่อนในสัปดาห์นี้ จริงๆ เราใช้เวลาเพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น
แต่ฝ่ายค้านไม่รู้ว่า เข้าใจหรือไม่เข้าใจ เพราะมีคนขึ้นมาคัดค้านทำนองว่า เราจะนำระเบียบวาระเกี่ยวกับร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯขึ้นมาแซงหน้าญัตติด่วนเรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ย้ำว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปแซงหน้าแผ่นดินไหว วันนี้กว่าจะจบได้ก็เสียเวลากว่า 3 ชั่วโมง แม้ฝ่ายค้านจะบอกว่า เขาอยากพูดเรื่องแผ่นดินไหวเร็วๆ แต่ในที่สุดการกระทำของเขาก็ทำให้การพิจารณาเรื่องแผ่นดินไหวช้าไปกว่า 3 ชั่วโมง
นายสุทินกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯนั้น เราต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ เช่นเดียวกับเรื่องปากท้องที่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลชุดนี้ก็คิดว่า หากเรายังหารายได้แบบเดิมๆ คิดตามกรอบเดิม หากไม่กล้าหารายได้แบบใหม่ๆ ก็จะไม่มีรายได้แบบใหม่ เมื่อไม่มีรายได้ใหม่เราก็ไม่มีทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ จึงมีความกล้าหาญที่จะทำสิ่งใหม่ๆ และไม่ได้เสี่ยงแบบไม่มีหลักเกณฑ์ เราได้มีการศึกษาเรื่องดังกล่าวจนครบ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาในสัปดาห์หน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจฟื้นฟูโดยเร็ว
ขณะที่ น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า เนื่องจากเป็นประเด็นที่มีข้อถกเถียงกันเยอะในเรื่องร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ดังนั้น การพิจารณาในวาระที่หนึ่งเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญขึ้นมาศึกษาในช่วงปิดสมัยประชุม จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจะมีระยะเวลาในการพิจารณาและ กมธ. สามารถพิจารณาได้อย่างรอบคอบ อีกทั้งต้องมี ส.ส.ทั้งจากฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องเข้ามาร่วมกันพิจารณาอยู่แล้ว ซึ่งการตั้ง กมธ.วิสามัญในขณะที่ปิดสมัยประชุม เรามุ่งหวังผลให้ข้อศึกษานั้น นำไปสู่ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้น นอกจากเรื่องเศรษฐกิจที่หวังให้มีการลงทุนมากขึ้น เพราะเราเพิ่งโดนเรื่องกำแพงภาษีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศไป ฉะนั้น จึงต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติอื่นๆ ด้วย
เมื่อถามว่า สัปดาห์หน้าเหลือเวลาการประชุมอีก 2 วัน คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ทันหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เท่าที่คุยกันในวาระรับหลักการนั้น สามารถทำได้ทัน วาระสองค่อยไปว่ากันช่วงปิดสมัยประชุม
ต่อข้อถามว่าจะเป็นการตีหัวเข้าบ้านหรือไม่ เพราะเป็นการพิจารณาในระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายสุทินกล่าวว่า ไม่มีตีหัวเข้าบ้าน ระยะเวลา 2 วันต้องเอาเหตุผลมาว่ากัน ไม่ใช่ว่าใครจะไปบังคับใครได้ 2 วัน ก็เพียงพอที่จะแสดงเหตุผลว่า เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ในระยะเวลา 2 วันนี้เราสามารถคุยกันอย่างเต็มที่ได้ โดยในสัปดาห์หน้า จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ทั้ง 2 วัน เอาให้จบโดยที่ทุกคนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่ก่อนที่จะไปวาระสองยาวๆ
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเร่งรีบที่จะนำเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ เข้าสู่การพิจารณาในสภานั้น นายสุทินกล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจต้องเร่งฟื้นฟู จะช้าไม่ได้ และเชื่อว่ากว่ากฎหมายฉบับนี้จะมีผลนั้น มันต้องเดินทางไปไกล แล้วจะทันรัฐบาลของเราหรือไม่ ฉะนั้น เวลาที่เสียไป 2 วันนั้นมีผลต่อการฟื้นเศรษฐกิจ รวมถึงระยะเวลาที่เราทำงานนั้นก็มีอย่างจำกัด รัฐบาลอยู่อีกแค่ 2 ปีเอง ไม่รู้ว่าจะเสร็จทันหรือไม่ ฉะนั้น เราต้องเร่ง ส่วนที่มีการโต้เถียงกันในสภา วันนี้นั้น ตนเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ ทุกคนทำหน้าที่กันเต็มที่ซึ่งจะต้องมีการปะทะกันบ้าง เป็นธรรมชาติของสภา แต่ถ้ารุนแรงกว่านี้เหมือนต่างประเทศที่ถึงขั้นชกต่อยกันเลยนั้น ประชาชนอาจจะรับไม่ได้
เมื่อถามว่า มองว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจะเกิดความขัดแย้งในสังคมหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า คิดว่าเราสามารถเห็นต่างได้ การริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นความท้าทายทั้งในและนอก แต่ต้องมีกลไกที่จะหาข้อยุติกันได้คือ การพูดคุยกันในสภา แต่หากทุกคนเคารพกลไกนี้ความขัดแย้งก็เป็นศูนย์
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการพยายามเร่งรัดร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือไม่ เพราะยังไม่ได้มีการทำรายงานศึกษาความเป็นไปได้ นายสุทินกล่าวว่า คิดได้ทั้งนั้น ทั้งจากคนที่คิดโดยสุจริตและไม่สุจริต รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่จะอยู่นาน เขาต้องรับผิดชอบอนาคตเขา ใครที่คิดไม่ดีไม่งามแล้วเอาประโยชน์ใส่ตัว ไปไหนไม่รอด เราสามารถอธิบายได้และต้องสามารถพิสูจน์ได้
ส่วนจะเหมือนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยของพรรค พท.ในอดีตหรือไม่ นานสุทินกล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะเป็นการยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งยังมีการศึกษาเรื่องดังกล่าวมานานแล้ว เพื่อนบ้านเรามีหมดแล้ว เราช้าไปด้วยซ้ำ ส่วนตัวคิดว่า หากประเทศไทยลองสักครั้งจะเป็นอะไรไป หากลองแล้วไม่เกิดผลดีก็ยกเลิกกฎหมายได้ ไม่เป็นอะไร แต่หากไม่ลองเลยก็จะคาใจกันอยู่
”เรื่องนี้ไม่ได้สุกเอาเผากิน และเรื่องนี้ในสภาก็มีการถกเถียงกันและตั้ง กมธ.ศึกษาเมื่อ 4 ปีก่อนด้วยว่าควรทำ ส่วนนอกสภา นักวิชาการก็มีการศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วยเช่นกัน ฉะนั้น ผมคิดว่าข้อมูลว่าควรจะทำหรือไม่นั้นมีเพียงพอที่จะตัดสินใจ“ นายสุทินกล่าว
น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เราเร่งด่วน รัฐบาลมีการพิจารณากฎหมายฉบับนี้มายาวนานแล้ว คณะกรรมการกฤษฎีกามีการตรวจสอบและแก้ไขจนนำไปสู่ข้อสรุปของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา โดยสถานบันเทิงครบวงจรไม่ใช่เป็นแค่กาสิโนหรือบ่อนเท่านั้น แต่วันนี้เราจัดการเปิดประตูสู่การท่องเที่ยวในมิติใหม่ วันนี้เราจะได้มองเห็นโอกาสที่ขาดหายไปไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตหรือศิลปินระดับโลก ซึ่งสามารถมาจัดได้ที่ประเทศไทยแต่ตอนนี้ไม่มีสถานที่ที่จะรองรับได้ ซึ่งเมื่อมีเราจะสามารถกระตุ้นเม็ดเงินได้จากเรื่องเหล่านี้ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากให้มองเห็น 90% และจะได้รับประโยชน์ แต่ขณะนี้กลับมีการไปโฟกัสเรื่องเล็กๆ จึงมองไม่เห็นผลประโยชน์ที่เราจะได้รับในภาพกว้าง
เมื่อถามว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เราเชื่อว่าจะสามารถฟื้นได้ เราไม่มีทางอื่นที่จะดึงนักลงทุนมาได้เป็นกอบเป็นกำได้เช่นนี้ เมื่อดึงมาได้เช่นนี้ก็ต้องเชื่อด้วยว่าเศรษฐกิจจะโต
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ ส.ว.ก็เหมือนไม่เห็นด้วยเช่นกัน และเตรียมที่จะตั้ง กมธ.ด้วย มองอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ก็ไปแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ซึ่งหากมีการไปดูรายละเอียดก็อาจจะเปลี่ยนใจได้
ต่อข้อถามว่า ส.ว.ถูกมองว่าเป็นกลุ่มเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค จะถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ส.ว.ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเองยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน จะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ต่อไปนี้บทเรียนหรือบริบทใหม่ๆ เกิดขึ้นกับ ส.ว. เชื่อว่า ส.ว.จะคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
เมื่อว่า สามารถสรุปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เช่น เรื่องสถานที่จัดคอนเสิร์ต สวนน้ำต่างๆ ไม่สามารถดึงดูดเม็ดเงินได้ จึงต้องสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ขึ้นมาเพื่อดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ นายสุทินกล่าวว่า เรื่องพวกนี้คล้ายกับนิคมอุตสาหกรรม ที่หากปล่อยกระจัดกระจายและต่างคนต่างลงทุน รัฐก็จะดูแลไม่ทั่วถึง รายได้จะลอดใต้ดินบ้าง เมื่อเราจับมาทำเป็นสถานบันเทิงครบวงจร ก็จะสามารถช่วยเขาได้ มีการลงทุนง่าย รายได้ก็จะถูกจับจุดได้อย่างเป็นระบบ แต่หากปล่อยไว้เช่นนี้เราไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้อย่างเต็มที่ ยังมีรายได้หลุดลอดไปใต้ดินเยอะ
ถามย้ำว่า ยืนยันว่าได้คุ้มเสียแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า “เรามั่นใจ เราจึงได้ผลักดัน เพราะเราต้องประกันด้วยอนาคตของพรรคและตัวเรา หากรู้ว่าเสี่ยงมากเราก็ไม่ทำ ที่วิตกกันว่าจะมีผลประโยชน์แอบแฝงนั้น ผมว่าวันนี้สังคมเปิด ใครจะไปทำอะไรในที่ลับก็เห็นหมด ใครจะไปเสี่ยงก็ลองดู วันนี้กระดิกได้ที่ไหน”