คลังจ่อถกมหาดไทย ร่วมแก้สัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เข้มการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง หลังเกิดเคสตึกสตง.ถล่ม

คลัง จ่อถกมหาดไทย ร่วมแก้สัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เข้มการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง หลังเกิดเคสตึกสตง.ถล่ม

วันที่ 7 เมษายน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.แห่งใหม่ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ในส่วนของการทบทวนผู้รับเหมา ที่ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.ว่าจะถูกขึ้นบัญชีแบล๊กลิสต์หรือไม่นั้น อำนาจไม่ได้อยู่ที่กรมบัญชีกลาง แต่เป็นอำนาจของหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ที่จะต้องทำการเสนอรายละเอียดและปัญหาขึ้นมาให้กรมบัญชีกลางพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขณะเดียวกันการที่จะขึ้นบัญชีแบล๊กลิสต์บริษัทผู้รับเหมาไม่ว่าจากกรณีใดก็ตาม จะต้องมองเรื่องของกฎหมายด้วย ซึ่งยอมรับว่ามาตรการจัดทำแบล๊กลิสต์บริษัทที่มีปัญหาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้น เป็นสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลังเองก็อยากดำเนินการเช่นกัน แต่ประเด็นคือต้องหาหลักฐาน หรือข้อมูลที่ชี้ชัดว่าบริษัทผู้รับเหมาต่างๆ นั้นมีความผิดหรือไม่ ถ้าไม่สามารถชี้ได้ว่ามีความผิด ก็จะไม่สามารถนำบริษัทนั้นขึ้นบัญชีแบล๊กลิสต์ได้

“อย่างกรณีตึก สตง.หลังใหม่ถล่มนั้น ต้องมีการพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าเหตุที่เกิดขึ้นผิดที่ตรงไหน ซึ่งความผิดอาจจะผิดตั้งแต่การออกแบบอาคาร ผิดที่ผู้ตรวจแบบ ผิดที่คนก่อสร้าง ผิดที่การควบคุมงาน หรือผิดในเรื่องของบริษัทที่ขายเหล็กนั้น ขายเหล็กที่ไม่มีคุณภาพให้ ซึ่งต้องไปไล่ดูทุกจุดว่าสาเหตุแท้จริงมาจากจุดไหน ดังนั้น จึงไม่สามารถฟันหรือไปชี้ว่าผู้รับเหมาผิดทันที” นายจุลพันธ์กล่าว

ADVERTISMENT

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขณะที่มาตรการขึ้นบัญชีแบล๊กลิสต์ หรือการทำสมุดพกผู้ประกอบการรับเหมาโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้น เป็นนโยบายที่กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการไว้แล้ว ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ทำรายละเอียดมาตรการ ทั้งการลงโทษแบบลดชั้น และการทำบัญชีแบล๊กลิสต์เสนอไปที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อย จากนี้ก็รอบรรจุวาระเข้า ครม.ตามลำดับ

“สำหรับมาตรการแบล๊กลิสต์ ที่กรมบัญชีจัดทำขึ้นนั้น เกิดจากกรณีอุบัติเหตุที่ถนนพระรามสอง ซึ่งมีแนวคิดว่า ถ้าเกิดความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุไม่ร้ายแรง ก็จะแค่ลดชั้นการเข้าประมูลงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แต่ถ้ากรณีเป็นเหตุรุนแรงเกิดความเสียหายมาก ก็จะขึ้นบัญชีแบล๊กลิสต์ ทั้งนี้ กรณีตึก สตง.ถล่มครั้งนี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุครั้งที่ใหญ่และมีความเสียหายมาก ก็คงต้องมีการทบทวนมาตรการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น” นายจุลพันธ์กล่าว

ADVERTISMENT

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า รวมทั้งตามหลักการแล้ว หนังสือสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง จะระบุถึงแค่เรื่องของการดำเนินงานให้เสร็จตามสัญญา ส่วนกรณีอุบัติเหตุนั้น จะต้องใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ซึ่งก็ยังคลุมเครือ เพราะฉะนั้น ในอนาคตก็จะต้องมีการปรับสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้ครอบคลุมกรณีประมาทจนทำให้เกิดความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตให้ชัดเจนมากขึ้น

นายจุลพันธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังกับกระทรวงมหาดไทยก็จะมีการหารือเพิ่มเติมในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย เพราะงานลักษณะนี้ อยู่ในความดูแลของมหาดไทย ซึ่งการหารือในครั้งนี้จะยกกรณีของอาคาร สตง.แห่งใหม่ที่ถล่มเป็นตัวอย่าง ในการหาแนวทางป้องกัน แก้ไข และเยียวยาในอนาคตต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image