ผู้เขียน | ชโลทร |
---|
⦁…เรียบร้อย “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่มี “กาสิโน” เป็นไส้ใน ที่ “พรรคเพื่อไทย” วางเกมเร่งให้เร็ว ระดับ “ไม่ยอมให้อะไรขวาง” ใครเสนอหน้าออกมาถูก “นางแบก-นายหาม” ทั้งระดับ “ขุนพล” จนถึง “ลูกหาบ” ชี้หน้าทำนองเป็น “พวกไม่ยอมพัฒนา” ที่สุดต้องตั้งหลักใหม่ แบบ “ถอยก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถูก” ที่อุตส่าห์เลื่อน “พ.ร.บ.” มาไว้เป็นวาระแรก เพื่อรับหลักการก่อนปิดสภา เป็น “เลื่อนวาระ” ไปว่ากันใหม่ในสมัยประชุมหน้า
⦁…แม้ แพทองธาร ชินวัตร จะโชว์ความเป็น “ผู้นำเจน Y” ด้วยรูปแบบแถลงข่าวโดยมี “หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน” ยืนเรียงแถวเป็น “พระอันดับ” ดูน่าอบอุ่น หากเอาเนื้อหาของ “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการทำงานร่วมกัน” ใครที่ติดตามใกล้ชิดย่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือน “วิญญาณการทำงานร่วมกันยังไม่เข้าที่” ปากก็ว่าไป แต่ใจเป็นอีกเรื่อง
⦁…ถึงวันนี้ ทักษิณ ชินวัตร คงสัมผัสได้แล้วถึงสัญญาณที่ว่า “ไม่สามารถแสดงบทบาทได้เต็มร้อยเหมือนอย่างที่เชื่อ” ใน “โครงสร้างอำนาจ” ที่ถูกทำให้คิดว่า “ยืนอยู่ในจุดที่คอนโทรลได้” นั้น ดูจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ด้วยมีองค์ประกอบอื่นอีกมากมาย ที่มีศักยภาพหยุดทุกภารกิจที่ขัดหูขัดตา ว่าไปน่าจะเป็นเรื่องที่ “พรรคเพื่อไทย” ต้องถามตัวเองมานานแล้วว่า “แก้ปัญหาปากท้อง โดยไม่แตะต้องโครงสร้าง” นั้น เป็นยุทธศาสตร์ที่สร้างผลงานให้ประสบความสำเร็จได้จริงหรือ
⦁…กัมปนาทที่ออกมาจาก สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ส่งถึงหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ตามด้วยแถลงของ “ส.ว.สายสีน้ำเงิน” ที่ตีเข้าแสกหน้า “ทีมการเมืองพรรคเพื่อไทย” เป็นคำตอบชัดให้ทุกคนที่ติดตามการเมืองรับรู้ว่าบทบาทกำหนดทิศทางการเมืองเป็นภารกิจของพรรคไหน ระหว่าง “ผู้นำ” กับ “ผู้คุมเกม” แวดวงผู้ทำมาหากินกับอำนาจรัฐ ย่อมแยกแยะและจัดอันดับได้ว่า “ต้องให้ความสำคัญกับใครก่อน”
⦁…มวลชนหลากหลายที่ประสานเคลื่อนเพื่อต่อต้าน “นโยบายพรรคเพื่อไทย” ที่ประสบความสำเร็จรอบนี้ จะส่งแรงสะเทือนค่อนข้างสูงสู่ “พรรคร่วมรัฐบาล” ว่าการรักษา “ฐานเสียง” ไว้นั้น ต้องวางท่าทีอย่างไรต่อ ระหว่างโอนอ่อนต่อ “พรรคแกนนำ” กับ “การยืนเคียงข้างมวลชนของพรรค” จะบันทึกการแสดงแบบไหนไว้เป็น “ข้อมูลให้จดจำ” ในปรากฏการณ์ “มวลชนได้ใจจากความสำเร็จ” ท่าทีการทำงานร่วมรัฐบาลของแต่ละพรรค จะน่าสนใจยิ่งนับจากนี้
⦁…ระเบียบความสัมพันธ์ประชาคมโลก ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เลือกที่จะ “รื้อองค์กรค้าเก่า สร้างกลไกใหม่รวมศูนย์ที่ทำเนียบขาว” ด้วยเชื่อ “ความเป็นมหาอำนาจของอเมริกา” จะทำให้แต่ละประเทศต้องเข้าแถวไปอ้อนวอน เป็นเรื่องน่าติดตามยิ่งว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหนที่ “อเมริกาจะยิ่งใหญ่อีกครั้ง” ในสถานการณ์ที่ “จีน” ตั้งป้อมตอบโต้อย่างไม่ให้ราคา “พญาอินทรี”
⦁…สำหรับประเทศเล็กๆ อย่างไทย ที่อยู่ในกลุ่มเป็น “ฐานการผลิตของอุตสาหกรรมจีน” การต่อรองเพื่อคลี่คลาย “วิกฤตฐานภาษี” ไม่น่าจะอะไรได้มากนัก เพราะถึงที่สุด ทุกทางเลือกท่ามกลาง “ช้างสู้กัน” ไม่ว่าเลือกทางไหน มีแต่ “ได้อย่างเสียอย่าง” การประเมินว่าในสงครามนี้ “ใครจะเป็นผู้ชนะ” ดูจะเป็นคำตอบที่สำคัญมากกว่าอย่างอื่น





