กมธ.การพาณิชย์ฯ เตรียมส่งข้อมูลความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้นคนไทยกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จากเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่มให้ดีเอสไอ
วันที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายเอกชัย เรืองรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา แถลงถึงเรื่อง ความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้นคนไทยกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ว่า อย่างที่ทราบกันดีภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ซึ่งใช้งบประมาณ 2,136 ล้านบาทในการก่อสร้าง และล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ โดยได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเหตุอาคารถล่ม ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเสนอราคา และสั่งสอบสวนเป็นคดีพิเศษ 3 ฐานความคิด คือ นอมินี มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และ ฮั้วประมูล
ในนามคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือนอมินี จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กรรมการของนิติบุคคลของบริษัท china railway number 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีการจดทะเบียนเป็นกิจการร่วมค้าฯ กับนิติบุคคลของประเทศไทย ในนามกิจการร่วมค้า itd-crec และเข้าเป็นคู่สัญญาในการก่อสร้างนั้นมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้น ร้อยละ 51 จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีบุคคลสัญชาติไทยจำนวน 3 คน เป็นกรรมการและถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ ร้อยละ 51 ร่วมกับนิติบุคคลต่างชาติอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สอดคล้องกับสถานะทางเศรษฐกิจของแต่ละคนจึงมีเหตุจำเป็นต้องทำการสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นกรณีถือหุ้นหรือถือทุนแทนนิติบุคคลต่างชาติ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลดังกล่าวมีฐานะเป็นคนต่างด้าวตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่มีบทบัญญัติห้ามดำเนินธุรกิจการก่อสร้าง และได้มีการนำวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมาใช้ในการดำเนินการหรือไม่ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้รวบรวมเอกสารในเรื่องดังกล่าวไว้เบื้องต้นและจะจัดส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป