“เท้ง” ขน สส. “พรรคประชาชน” ลงพื้นที่เยี่ยมญาติผู้ประสบภัยตึก สตง.ถล่ม ยก 3 องค์ประกอบ แกะรอยสาเหตุตึกถล่ม และตรวจสอบหาความจริงของความเชื่อมโยงกับคนใกล้ชิดผู้ใหญ่ใน สตง. พร้อมขอนายจ้าง ให้ความร่วมมือกระทรวงแรงงาน เปิดเผยตัวเลขแรงงานที่แท้จริง ยัน ปชน. พร้อมสนับสนุน ‘ชัชชาติ’ ทุกประเด็นที่เป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน
เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ตึก สตง.แห่งใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค และนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้สูญหายจากเหตุการณ์ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับญาติผู้สูญหายก็มีกำลังใจดี ทุกคนยังมีความหวังทุกวินาทีที่เจ้าหน้าที่ทำงาน ซึ่งนายศุภณัฐได้นำข้าวสารอาหารแห้ง และสิ่งของมาช่วยสนับสนุนภารกิจของสำนักงานเขตจตุจักร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่มีอะไรขาดเหลือ
เมื่อถามว่า ในฐานะพรรคฝ่ายค้านจะมีการติดตามเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการนำเรื่องเข้ากรรมาธิการติดตามงบประมาณแล้ว และตั้งคณะทำงานขึ้นมาในทุกด้านเพื่อติดตามภารกิจ โดยมี ส.ส.ในพื้นที่ได้ติดตามและกำกับดูแล
ด้านนายวิโรจน์กล่าวว่า ตนคิดว่าในเรื่องของการตรวจสอบเท่าที่ได้หารือกับนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการติดตามตรวจสอบงบประมาณ คงต้องแกะรอยจาก 3 องค์ประกอบ ประกอบด้วย การออกแบบ, การควบคุมงาน และการตรวจรับงาน ซึ่งทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ทำงานโดยวิศวกรที่เป็นผู้มีวิชาชีพทั้งสิ้น โดยส่วนที่สำคัญที่สุดคือการตรวจรับงาน เพราะหากมีการแก้ไขแบบ วิศวกรผู้ควบคุมก็จะเป็นผู้ประสานกับคณะกรรมการตรวจรับงานของ สตง. และวิศวกรผู้ควบคุมงานจะต้องตรวจสอบในรายละเอียดทั้ง 3 ส่วนอย่างละเอียด ส่วนอีกเรื่องที่ไม่สามารถทิ้งประเด็นได้ คือคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
เมื่อถามว่า จากการชี้แจงของ สตง. พรรคฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง นายวิโรจน์กล่าวว่า เป็นการชี้แจงในเบื้องต้น การทดสอบปกติแล้วรายละเอียดในการตรวจสอบเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมง ไม่พออยู่แล้ว เพียงแต่เป็นการชี้แจงให้กับคณะกรรมาธิการได้แกะรอยทำเป็น Bullet Point เพื่อทำการบ้านที่ต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีอะไรบ้าง เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบ เช่น เรื่องเหล็ก ว่าแต่ละประเภทใช้กับงานชนิดไหน หรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ก็จะส่งผลเสียได้เหมือนกัน ซึ่งนายสุรเชษฐ์เป็นวิศวกรโยธาฯ น่าจะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า เราพูดถึงวิศวกรควบคุมงานน้อยมากว่ามีการเปลี่ยนวัสดุหรือไม่ ซึ่งคนที่ควบคุมสามารถเป็นต้นเรื่องในการเปลี่ยนแบบและวัสดุได้ และส่วนที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบความโยงใยถึงคนใกล้ชิดของผู้บริหารระดับสูงและผู้ใหญ่ใน สตง.
“มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าวิศวกรผู้ควบคุมมีความสัมพันธ์เรียกว่าเป็นคนตัวใหญ่ใน สตง. เบื้องต้นต้องให้ความเป็นธรรมกับชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างประธาน คตง. และเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ว่าบริษัทที่ปรึกษามีความเกี่ยวข้องโยงใยกับเครือข่ายครอบครัวตามที่ถูกตั้งข้อสังเกตหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ต้องให้ความเป็นธรรม“ นายวิโรจน์กล่าว
ส่วนการชี้แจงของ สตง.ยังเหลือประเด็นใดบ้าง นายวิโรจน์ระบุว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่โยงใยกับบริษัทต่างๆ และการประกวดราคาประมูลถูกต้องหรือไม่ รวมถึงมีการเกี่ยวพันกับผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ด้วยหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และในเรื่องนี้เราไม่สามารถปล่อยให้คลุมเครือได้ เพราะหากบริษัทที่ปรึกษามีความเกี่ยวข้องกับประธาน คตง.ก็จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบให้สิ้นข้อสงสัยเพื่อความเป็นธรรมให้กับท่าน
เมื่อถามว่า สำหรับการเยียวยาญาติผู้สูญหายที่ได้รับเงินน้อยมาก หากเทียบเท่ากับเก้าอี้ของ สตง. 1 ตัวนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องบอกก่อนว่า ไม่ว่าเงินจะจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเทียบชีวิตที่สูญเสีย และได้รับผลกระทบ โดยจากการไปเยี่ยมญาติผู้สูญหายมาก็ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านได้ใช้กลไกกรรมาธิการ รวมถึงการติดตามสอบถามไปถึงรัฐบาลว่าจะเยียวยาได้เร็วที่สุด และเป็นธรรมที่สุด
อีกส่วนที่อาจยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งตนได้รับการรายงานจากนายศุภณัฐว่า ถ้าเป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานในประเทศเราและได้รับผลกระทบ และแรงงานต่างชาติก็อาจจะยังไม่ได้รับเงินชดเชยเยียวยา ก็เป็นสิ่งที่เรากำลังหาคำตอบ ซึ่งเรามีคณะกรรมการดูแลเงินชดเชยเยียวยาของผู้ที่ได้รับผลกระทบ
โดยเฉพาะในประเด็นที่นายวิโรจน์ได้บอกไว้ หากพบว่ามีการตรวจสอบข้อมูลแล้ว การก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ไม่สามารถป้องกันได้ และเป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามอยู่ เหตุการณ์ต่างๆ และความสะเพร่าในการออกแบบก่อสร้าง ทุกคนก็ควรจะได้รับการเยียวยาในรูปแบบที่เหมาะสม
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้เปลี่ยนการตัดสินใจในการตัดงบผู้ควบคุมงานหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในส่วนนี้เราเล็งเห็นความสำคัญอยู่แล้วในเรื่องของการสร้างความปลอดภัยของตัวอาคารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในแผนของคณะทำงานทั้ง 6 คณะที่เราตั้งขึ้น เพราะยังมีอาคารเก่าๆ อีกเยอะที่สร้างก่อนปี 2550 ซึ่งมีกฎกระทรวงที่สร้างอาคารต้านแรงสั่นสะเทือน และอาคารเหล่านี้ต้องได้รับการยกระดับให้มีความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และในส่วนของงบประมาณที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ หรือป้องกันเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งเรามีจุดยืนที่ชัดเจน และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
ส่วนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคประชาชน พร้อมที่จะสนับสนุนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเราไม่ได้ขัดข้อง หรือคัดค้านอะไรอยู่แล้ว
ขณะที่นายวิโรจน์กล่าวเสริมอีกว่า ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตและเจ้าหน้าที่กับนายศุภณัฐ ได้ไปพูดคุยกับล่ามอาสา และอยากให้กระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ประสานกับสถานทูต โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย และประเทศต่างๆ เข้ามาช่วยกระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อดูในเรื่องเอกสารการระบุตัวตน จึงเป็นประโยชน์อย่างมากในการรับเงินเยียวยา เพราะตอนนี้หากพิสูจน์ DNA แล้ว แต่หากไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ว่าใครเป็นญาติ หรือมีสิทธิอันชอบธรรมในการรับเงินเยียวยา ทางราชการก็ไม่สามารถจ่ายเงินเยียวยาให้ได้ ซึ่งตนก็จะประสานงานเรื่องนี้กับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต
ส่วนตัวเลขคนงานที่ประสบเหตุเป็นผู้สูญหายอาจมีความคลาดเคลื่อน และไม่ตรงกับที่แรงงานออกมาเปิดเผย นายวิโรจน์ระบุว่า ตนได้พูดคุยกับนายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งตอนนี้เรามีข้อสันนิษฐานว่า จำนวนแรงงานต่างชาติที่ตัวเลขระบุอยู่ระหว่างการสูญหายอาจน้อยกว่าความเป็นจริง เพราะมีนายจ้างจำนวนหนึ่งกลัวถูกดำเนินคดี กลัวว่าใช้แรงงานโดยไม่ขึ้นทะเบียน และไม่มีระบบประกันสังคม ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ยืนยันว่าการดำเนินการ
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า โดยตามกฎหมายต้องดำเนินการ แต่ตอนนี้ไม่ใช่การไล่บี้เอาผิดกับผู้จ้าง ซึ่งต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยเป้าหมายคือการเยียวยาผู้ประสบภัย และกฎหมายต่างๆ นายจ้างกลัวในการดำเนินการจำคุก รัฐมนตรีแรงงานบอกว่าคงไม่เป็นแบบนั้น แต่ต้องมีการปรับไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะอยู่ในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนจึงอยากให้นายจ้างที่จ่ายค่าแรงและรู้อยู่แล้วว่าชื่อของลูกจ้างชื่ออะไรบ้าง มีกี่คนและตัวเลขที่แท้จริงเป็นเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นกระทรวงก็ทำงานลำบาก