“นายกฯ” ขึ้นเชียงใหม่ 13-14 เม.ย.นี้ เปิดเทศกาลสงกรานต์นานาชาติ -ร่วมงาน”ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง“ย้ำ ทุกหน่วยดูแลความปลอดภัย สร้างประทับใจนทท.ทั่วโลก
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจรราชการที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 13-14 เมษายนนี้ เพื่อดูแลการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของภาคเหนือ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่น การอำนวยความสะดวกของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และฝ่ายปกครอง กองทัพ หน่วยแพทย์ ให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกฯ รวมถึงในทุกจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และ จ.เชียงใหม่ ที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
สำหรับภารกิจในวันที่ 13 เมษายน เวลา16.30 น. นายกฯเป็นประธานเปิดงานเทศกาลสงกรานต์ระดับนานาชาติ “Amazing Songkran Chiangmai x Boryeong Mud Festival 2025” ที่ ”ข่วงประตูท่าแพ“ (ฝั่งถนนชัยภูมิ) อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเกาหลีใต้ โดยนายกฯจะเปิดงาน “อุโมงค์น้ำ Maha Songkran Chiang Mai Amazing Water Splash” และปล่อยขบวน “ตุ๊ก ตุ๊ก ไทยแลนด์ มหาม่วน มหามันส์” และร่วมกิจกรรมเล่นน้ำกับนักท่องเที่ยว
จากนั้น นายกฯเดินทางไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางต่อไปยัง ลานเมญ่าสแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า เพื่อร่วมกิจกรรม “SF My Water World Songkran Festival 2025”
นายจิรายุกล่าวว่า สำหรับวันที่ 14 เมษายน น.ส.แพทองธาร ร่วมงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง” ที่ชุมชนโหล่งฮิมคาว อ.สันกำแพง พร้อมรับชมการแสดงต้อนรับจากชาวชุมชนโหล่งฮิมคาว และร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุอำเภอสันกำแพง และเดินชม “เทศกาลตามรอยหัตถกรรม ความทรงจำสันกำแพง” ในกิจกรรม “10 โหม้งโหล่งผะญ๋า” และสินค้าของดี OTOP ของ อ.สันกำแพง และเดินทางกลับ กทม.ในวันเดียวกัน
“การลงพื้นที่ของนายกฯในช่วงเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว และนโยบาย “ซอฟพาวเวอร์” ของไทยที่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นสินค้าอันสำคัญของไทย และเป็นการแสดงเจตนารมณ์สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน”
