ทูตรัศม์ ชี้ในวิกฤตสงครามการค้ ย่อมมีโอกาส แนะอย่ามองแง่ร้าย เอาสะใจ เชื่อมั่นทีมรับมือรบ. นาทีนี้ดีสุดแล้ว
สงครามการค้า – จากกรณีที่รัฐบาล เผย 9 รายชื่อคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ที่มี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายฉันทานน์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ น.ส.ใจไทย อุปการนิติเกษตร รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ นางขวัญนภา ผิวนิล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ และ นายโอม บัวเขียว คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกฯเพื่อรับมือกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยนั้น
ล่าสุด 12 เมษายน 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้โพสต์ผ่านเพจ ทูตนอกแถว ถึงกรณีดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังนี้ ขึ้นชื่อว่าสงครามย่อมคือสงคราม ที่แม้จะมีฝ่ายชนะแต่ก็ยากที่ใครจะหลีกเลี่ยงไม่สูญเสียเลยได้ และเป็นไปได้มากว่าอาจบอบช้ำทั้งสองฝ่าย
ขณะนี้ ถือว่าโลกอยู่ในสภาวะสงครามทางการค้าแล้ว ซึ่งถ้ามองในแง่ดีคืออย่างน้อยก็ยังดีกว่าสงครามเต็มรูปแบบที่เอาอาวุธเข้าห้ำหั่นกันโดยตรง
แต่เมื่อมีวิกฤติย่อมต้องมีโอกาส อยู่ที่ว่าเราจะปรับตัวอย่างไร เราสามารถหาโอกาสในวิกฤตนี้ได้อย่างไร ซึ่งผมคิดว่าสำหรับไทยน่าจะพอมี
จะยังไงคนก็ยังต้องกินและเราเป็นประเทศผลิตอาหาร
ก็รู้ว่าไม่ง่าย และผมเองไม่ได้มีความรู้ชำนาญด้านเศรษฐศาสตร์มากพอที่จะออกมาพูดเสนอแนะอะไรเป็นตุเป็นตะ
ก็ขอพูดแค่หลักการทั่วๆไปว่าเราควรต้องมองโลกในเชิงบวกบ้าง ตั้งสติและหาโอกาสที่ว่านั้นให้เจอ
ไม่ใช่ต้องเร่งรีบวิ่งไปเจรจา ที่อาจหน้าแตกกลับมา และเปิดเผยไต๋ให้เขาหมดตั้งแต่แรก
และยิ่งไม่ใช่เอาแต่มองในแง่ร้าย เอาปัญหาเป็นตัวตั้ง บ้างก็วิจารณ์ทั้งที่ไม่ได้มีความรู้หรือประสบการณ์ใดๆ เลย แค่อยากเห็นประเทศชาติเสียหายเพื่อความสะใจส่วนตัว
จะอย่างไรผมคิดว่าเราโชคดีที่มีทีมรับมือวิกฤตการณ์ชุดนี้ของรัฐบาล ซึ่งผมเชื่อมั่นว่านาทีนึ้คือดีที่สุดแล้ว