“พิธา” เผย แอ่วเหนือเล่นสงกรานต์ ไร้นัยยะทางการเมือง เหตุ มีเลือกตั้งซ่อมต้องระมัดระวังการหาเสียงในงานรื่นเริง บอก ไม่แปลกใจ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ขัดแย้งกันปม ร่างกม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มองย้อนหลังก็ทะเลาะมาตลอด ใครที่เคยเป็นเพื่อนก็อาจเป็นคู่แข่งได้ มองรบ. เร่งดันกฎหมาย ไม่ถูกจังหวะทางเศรษฐกิจ-การเมือง
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 ที่จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และจ.ลำพูน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะมาสวัสดีปีใหม่ พร้อมร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมาในฐานะนักท่องเที่ยวที่พาลูกสาวมาด้วย โดยไม่ได้มาช่วยหาเสียงเลือกตั้งเทศบาล เพราะไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียง ขณะนี้มีการเลือกตั้งซ่อม สมาชิกสภากทม. การเลือกตั้งซ่อมจ.นครศรีธรรมราช และการเลือกตั้งเทศบาล จะต้องระมัดระวังเรื่องการหาเสียงในงานรื่นเริง ซึ่งขัดต่อกฎหมาย ดังนั้น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มาร่วมเล่นน้ำ โดยเฉพาะไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเลือกลงพื้นที่ในช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่เช่นกัน จนถูกมองว่าเป็นการปาดหน้าลงพื้นที่ทางการเมืองหรือไม่ นายพิธา กล่าวเป็นการลงพื้นที่ต่างภารกิจกัน ส่วนตัวตั้งใจมา เพราะคิดถึงประเทศไทยและคิดถึงชาวเชียงใหม่ ชาวลำพูน จึงแวะมาเที่ยวในช่วงว่าง ซึ่งในอาทิตย์หน้าจะเดินทางกลับต่างประเทศ
นายพิธา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากได้ติดตามการเมืองย้อนหลังในห้วงที่ผ่านมาช่วง 10 ปี หรือ 10 เดือนที่ผ่านมา มีความขัดแย้งของพรรคร่วม รัฐบาล 2 พรรคนี้มาโดยตลอด ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใจ ถ้าลงไปในระยะยาวระดับมหภาค โดยเฉพาะเป็นปีที่ 2-3 ของการจัดตั้งรัฐบาล
“ใครที่เคยเป็นเพื่อน ก็อาจจะกลายเป็นคู่แข่งทางการเมืองขึ้นมา เพราะฉะนั้นปะทุขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ที่แปลกใจคือเรื่องร่าง พ.ร.บ. ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ผ่านมติ ครม. มาแล้วไม่ใช่หรอ อยู่ต่างประเทศอ่านข่าวเห็นว่าผ่านมติ ครม. จึงอยากเห็นวาระการประชุมวันนั้นว่า แต่ละพรรคมีจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นเรื่องที่ไม่ได้คุยกันมาก่อน มีความรีบเร่งพอสมควร เป็นเรื่องที่แปลกใจว่าผ่านมติ ครม. มาได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในสภา 2-3 วัน ที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ไม่ได้แปลกใจที่สองพรรคการเมืองทะเลาะกัน หากใครตามการเมืองมาจะนึกถึงวลีเด็ดได้ ตอนที่ไปศรีสะเกษ เป็นเรื่องธรรมดาที่สองพรรคนี้มีความขัดแย้งกันมาโดยตลอด“ นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่า ประเมินว่าร่างกฎหมายดังกล่าว จะผ่านความเห็นชอบจากสภาหรือไม่ เพราะมีกระแสต้าน อยู่พอสมควร นายพิธากล่าวว่า จะต้องดูภาพใหญ่ว่าสำคัญสำหรับสถานการณ์การเมืองไทยและสถานการณ์การเมืองโลกในขณะนี้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าอันดับหนึ่งขณะนี้คือเรื่อง SME ที่มีความไม่มั่นคงในแต่ละพื้นที่ จะต้องดูแลดูแลอย่างไร ซึ่งจะต้องเป็นภารกิจหลักมากกว่า
“การสร้างบ้านต้องพื้นฐานให้เข้มแข็งเสียก่อน แทนที่จะไปสร้างหลังคา จึงถามว่าความสำคัญในตอนนี้ใช่ เห็นว่ายังไม่ใช่ อันต่อมาเห็นว่าเรื่องนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ตอนที่เป็นก้าวไกล พูดในฐานะอดีตนักการเมืองตอนนั้น มีทั้งเรื่องเกี่ยวกับพ.ร.บ. การฟอกเงินที่คิดถึง และ พ.ร.บ. การต่อสู้กับคอรัปชั่น แล้วค่อยมาทำเรื่องคาสิโน ถ้าทำเป็นแพ็คเกจ 3 อันนี้เห็นว่า จะมีน้ำหนักที่ทำให้คนที่ต่อต้านพอรับฟังได้บ้าง แต่อันนี้คือจังหวะ เศรษฐกิจก็ไม่ใช่ จังหวะการเมืองก็ไม่ใช่ เร่งรีบอีกแล้วยังไม่มีมุมมองเรื่องในการจำกัดข้อเสีย ซึ่งยังรวมมุมมองจุลภาค ว่าตกลงจะกำหนดเงื่อนไข 50 ล้านบาทหรือไม่ยังกลับไปกลับมา ซึ่งต้องยึดตามที่ไอติม และหัวหน้าพรรค คุณเท้งได้พูดชัดเจนแล้ว” นายพิธากล่าว