พิธา ให้กำลังใจทีมเจรจาภาษีทรัมป์ ทิ้งท้ายอวยพร อิ๊งค์ ขอให้มีสมาธิ คงความเป็นตัวเอง 

‘พิธา’ ให้กำลังใจทีมไทยแลนด์เตรียมเจรจากำแพงภาษีปรัมส์ แนะให้ศึกษาข้อมูลบุคคลที่มีผลทางอ้อมกับทีมเจรจาสหรัฐฯ มองควรให้ภาคเอกชนร่วมเจรจาด้วย ย้ำห่วงสถานการณ์สงครามอิหร่าน-อิสราเอล อันจะส่งผลกระทบต่อไทย ทิ้งท้ายอวยพร ‘นายกฯอิ๊งค’ ขอให้มีสมาธิ-ความเป็นตัวเอง-คิดไปข้างหน้า เพราะความท้าทายกำลังมา

เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการขึ้นกำแพงภาษีประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ว่า เป็นสถานการณ์มีความน่ากังวล รวมถึงสถานการณ์ในประเทศอิหร่าน ซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อมกับประเทศไทยเกี่ยวกับราคาน้ำมันด้วยเช่นเดียวกัน

นายพิธาได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวถึงทีมเจรจารัฐบาลไทยว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมอะไรกันแล้วเรือยัง เนื่องจากตนไม่เป็นนักการเมืองแล้ว มาในฐานะนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ขอใช้โอกาสนี้ ในการอวยพรให้กำลังใจนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงทีมไทยแลนด์ ที่จะไปเจรจาในเรื่องนี้ เพราะมีความไม่แน่นอนเยอะ

นายพิธาระบุถึงสิ่งที่จะฝากไว้ นอกเหนือจากการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว คือเนื้อหาที่จะไปเจรจา และที่สำคัญกว่าคือ บุคคลที่จะไปเจรจาด้วย

ADVERTISMENT

โดยเฉพาะ ปีเตอร์นาวาร์โร หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ทำเนียบขาวและที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี และบุคคลอื่นๆ ที่เป็นวงอำนาจโดยรอบในการเจรจา ต้องรู้ว่าบุคคลที่จะไปคุยด้วยคือใคร เพราะสำคัญพอๆ กับรู้วิธีการ และการรู้ว่าต้องทำอะไร

นายพิธายังกล่าวถึง 6 อุตสาหกรรมใหญ่ ที่จะได้รับผลกระทบเยอะ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญของการส่งออก และพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก โดยเฉพาะยาง และข้าว โดยหากเจรจาดีไม่ดี หรือเจรจาสำเร็จ ก็อาจจะต้องเจรจาเป็นรายกลุ่ม รวมถึงในขณะที่เจรจา ควรจะต้องแบ่งบทบาทของคนในทีมไทยแลนด์ที่จะไปเจรจาด้วย

ADVERTISMENT

นายพิธากล่าวย้อนถึงตอนที่ตนเองเคยให้สัมภาษณ์ ว่าควรต้องเริ่มคิด ตั้งแต่ก่อนที่ทรัมป์จะเป็นประธานาธิบดี และหากตอนนี้ เรายังไม่รู้ว่าจะถึงคิวประเทศไทยเมื่อไหร่ จะไปเจรจาอย่างไร เราจะเอาอะไรไปเจรจา หรือเขาต้องการอะไร ก็ยังมีคนโดยรอบอีก 4-5 คน นอกเหนือจากประธานาธิบดีทรัมป์ และคนที่เป็นตัวแทนการค้า USTR

นายพิธา มองว่า หากเรารู้จักคนที่จะไปคุยด้วยก่อน หรืออ่านงานเขาก่อน เมื่อเข้าไปในห้องเจรจาแล้ว ก็จะพอรู้ว่า จะมีการพูดอย่างไร

ทั้งนี้ หวังว่าจะมีการนำทีมภาคเอกชนไปด้วย เพราะสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าเรื่องเกี่ยวกับอัตราภาษี คือความไม่แน่นอน เพราะเขายังไม่แน่ใจว่า ต้องการลงทุนในประเทศใด ย้ำว่า ความไม่แน่นอนสำคัญกว่าอัตราภาษี และการเจรจาครั้งนี้ ไม่ได้คุยแค่เรื่องภาษี เป็นการคุยเรื่องอื่นที่เขาต้องการ ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้ และให้ทีมไทยแลนด์ทำงานให้เต็มที่ เพราะมีเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากกว่า คือเรื่องอิหร่าน ที่คนไทยอยู่ในแวดวงการเมืองในทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกา เล่าให้ฟังว่า สิ่งที่น่ากลัวคือเรื่องเกี่ยวกับเจรจานิวเคลียร์ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน ที่ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรง เป็นช่องแคบในการขนส่งสินค้า ทำให้สินค้าแพง และหากปัญหาสะสมกันหลายรอบ ก็จะส่งผลต่อ GDP ที่ตอนนี้เรามีอยู่ 1%กว่า อาจจะไม่เหลืออะไรเลย

“ขออนุญาตฝากให้กำลังใจรัฐบาลมากไปกว่าเรื่องที่สภาได้ทำไปแล้ว ส่วนตัวอยู่ที่นั่น พอได้ยินอะไรมา ก็อยากจะนำมาฝาก” นายพิธากล่าว

เมื่อถามถึงกรณีการผลักดันชาวอุยกูร์กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นอุปสรรคในกาเจรจาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง อย่าง ส.ว. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งคงจะต้องให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของเรา เข้ามาดูด้วย ซึ่งไม่ทราบว่าขณะนี้ รัฐบาลได้มีการพูดคุยกับเลขา สมช. หรือยัง

เนื่องจากเรื่องการเจรจาที่อิหร่าน หากไม่สำเร็จ หรือมีสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน จะได้รับผลกระทบต่อไทยอย่างไร รวมถึงเรื่องต่างๆ ในทางการต่างประเทศ เพราะเท่าที่ทราบมาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ไม่ได้ไปด้วย ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่า คนที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของชาติ หรือนโยบายเศรษฐกิจของเขาเป็นใคร เพราะในการเจรจาจริง ไม่ได้มีเฉพาะแค่เนื้อหา แต่เป็นเรื่องของเคมี และอารมณ์ ในการเจรจา ต้องการรู้เขารู้เรามาก่อน เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน ละเอียด และเป็นศิลปะมากกว่า ก็ต้องให้กำลังใจทีมไทยแลนด์ของเราเยอะๆ ไม่ใช่แบ่งเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะเรื่องนี้เราได้รับผลกระทบหนักมาก ย้ำ เรื่องความไม่แน่นอนเป็นเรื่องที่โหดกว่าอัตราษี เพราะการกลับไปกลับมาเช่นนี้ จะทำให้การลงทุนชะงัก

เมื่อถามถึงเรื่องการให้คำแนะนำของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่มีต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาถูกทางแล้วหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่ามีการให้คำแนะนำกันหรือไม่ แต่เป็นพ่อลูกกัน คงจะมีการพูดคุยกัน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองตอนนี้ ต่างจากสมัยที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเจรจาเรื่องเศรษฐกิจและความต้องภายใน มีความซับซ้อนมากกว่าเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ควรจะมีการพูดคุยเรื่องการช่วยเหลือ SMEs ในประเทศด้วย เพราะการที่บอกว่าอย่าเอากระสุนไปยิงให้หมด แต่การที่ SMEs เราไม่มีกระสุนเลย ก็อันตราย ไม่แน่ใจว่างบประมาณที่ออกมา จะดูแล SMEs ไทย ได้ดีแค่ไหน เพราะเรายังได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกที่เข้ามาตีอีก จากการที่จีนไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ในสินค้ามูลค่าน้อย ย้ำว่าควรจะต้องดูแลพื้นฐานเศรษฐกิจไทยให้ดี

“ไม่เช่นนั้น หากจะไปต่อยอดที่กาสิโนซึ่งเป็นหลังคา แต่พื้นฐานซึ่งเป็นเสาเข็มไทยพังทลาย ถึงตอนนั้น มีหลังคา ก็อาจไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น จะต้องเรียงลำดับความสำคัญ ขอให้อวยพรให้นายกฯ มีสมาธิ มีความเป็นตัวของตัวเอง และคิดไปข้างหน้า เพราะความท้าทายที่กำลังเข้ามาในประเทศไทย มาแบบรวดเร็วกว่าที่ผู้นำคนไหนจะทำคนเดียวได้ เพราะมีอุปสรรครออยู่เยอะพอสมควร” นายพิธากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image