วิชั่น‘หาน จื้อเฉียง’ ศก.โลก-บทบาทจีน

 

หมายเหตุนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ “ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจโลก และบทบาทของจีน : โอกาสและความท้าทายสำหรับประเทศไทย” จัดโดยวุฒิสภาไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทย เมื่อเร็วๆนี้ โดยมีเนื้อหาบ้างส่วน ดังนี้

มมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสัมมนาในวันนี้ ทุกท่านให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์ระหว่างประเทศและการพัฒนาของประเทศไทย และความสัมพันธ์จีน-ไทยมาโดยตลอด ผมยินดีที่จะแบ่งปันทรรศนะมุมมองของผมกับท่านทั้งหลายและหวังว่าจะได้รับรู้ความคิดเห็นเชิงลึกเพิ่มเติมจากท่านด้วย หากท่านถามว่าปัญหาอะไรที่น่ากังวลที่สุดในโลกขณะนี้ ปัญหาที่กำลังทำให้เกิดความไม่สงบไปทั่วโลก ผมคิดว่าผู้คนร้อยละร้อยจะให้คำตอบเดียวกัน นั่นก็คือ การใช้มาตรการภาษีศุลกากรในทางที่ผิดของรัฐบาลทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา สิ่งที่ทุกคนอยากฟังอยากรู้จากผมมากที่สุดคือจีนคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ผมอยากจะพูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับท่านทั้งหลายในประเด็นนี้พอดี

สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองเป็นเป้าหมายร่วมกันที่มนุษยชาติแสวงหามาตลอดประวัติศาสตร์อารยธรรมหลายพันปี ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 80 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าสงครามและความขัดแย้งจะไม่เคยหายไปจากโลกใบนี้ในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา แต่มนุษยชาติก็ไม่ได้ประสบกับสงครามโลกอีกเลย ในแง่นี้เราทุกคนโชคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตสิ้นสุดลงในทศวรรษ 1990 กระบวนการก่อตั้งตลาดโลกแบบรวมเป็นหนึ่งเดียวกันก็เร่งตัวขึ้น และปัจจัยการผลิตก็ไหลเวียนไปทั่วโลกอย่างอิสระ ก่อให้เกิดคลื่นโลกาภิวัตน์
และส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกพัฒนาอย่างรวดเร็ว และ 30 ปีที่ผ่านมานี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาทองของการพัฒนาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

การพัฒนาเศรษฐกิจมีกฎของมันเอง กล่าวคือ ความไม่สมดุลของการพัฒนา ประการแรกคือความไม่สมดุลระหว่างประเทศ แม้ว่าการพัฒนาโดยรวมจะดี แต่ก็ยังมีบางประเทศที่พัฒนาเร็วกว่าและบางประเทศที่พัฒนาช้ากว่าอยู่เสมอ ประเทศที่พัฒนาแล้วได้รับผลประโยชน์จากโลกาภิวัตน์มากขึ้นโดยอาศัยเงินทุนและข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยี และประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศซึ่งเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจเกิดใหม่ก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาที่ดีขึ้นเช่นกันโดยมีส่วนร่วมเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศที่ได้รับประโยชน์จากโลกาภิวัตน์เพียงเล็กน้อย และบางประเทศยังเสี่ยงต่อการเป็นประเทศชายขอบอีกด้วย ประการที่สองคือความไม่สมดุลระหว่างกลุ่มต่างๆ ภายในประเทศ ลองยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในคลื่นโลกาภิวัตน์ ทุนทางการเงินของอเมริกาและอุตสาหกรรมข้อมูลสมัยใหม่สร้างมูลค่ามหาศาล แต่ภาคการผลิตแบบดั้งเดิมจำนวนมากกลับหดตัวอย่างรุนแรงเนื่องจากเงินทุนไหลออก ส่งผลให้เกิดเขตอุตสาหกรรมถดถอยที่เรียกกว่า “เขตขึ้นสนิม” และความยากจนของชนชั้นแรงงานจำนวนมาก และความมั่งคั่งทางสังคมก็กระจุกตัวอยู่ในมือของคนเพียงไม่กี่คนเป็นอย่างมาก

ADVERTISMENT

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการทบทวนความคิดในระดับโลกเกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ โดยทั่วไป ผู้คนคาดหวังที่จะแก้ไขทิศทางของโลกาภิวัตน์และช่วยให้สามารถพัฒนาต่อไปในลักษณะที่มีเสถียรภาพและมั่นคงตามหลักการของการเปิดกว้าง ความครอบคลุม และผลประโยชน์ร่วม อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกา ซึ่งสนับสนุนการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนมาโดยตลอด ได้เปลี่ยนแปลงไป 180 องศา “Make America Great Again (MAGA)” คือสโลแกนหาเสียงของนายทรัมป์ ซึ่งสะท้อนความรู้สึกชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะดี เนื่องจากทุกประเทศมีสิทธิที่จะยิ่งใหญ่ แต่ปัญหามีอยู่ที่ประเทศเหล่านั้นกำลังพยายามบรรลุความยิ่งใหญ่ของตนเองโดยทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เมื่อเกิดปัญหาในการพัฒนาประเทศ เรามักจะมองหาปัญหาของตนเองก่อน จากนั้นพยายามเปลี่ยนแปลงตนเองและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกให้ดีขึ้น การพัฒนาอย่างรวดเร็วของประเทศจีนเกิดขึ้นได้จากการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง

แต่เราพบว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้เป็นแบบนี้อย่างที่เราเข้าใจกัน แทนที่จะแก้ไขปัญหาของตัวเอง สหรัฐกลับกล่าวโทษทั้งโลก โดยอ้างว่าโลกเอาเปรียบสหรัฐ และประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ปล้นเทคโนโลยีและทุนของสหรัฐไป รวมทั้งงานของประชาชนชาวอเมริกันไปด้วย ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้โดยสิ้นเชิงและได้เปิดสงครามภาษีกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก สาระสำคัญของการละเมิดระบบภาษีนี้คืออะไร? มันคือการเก็บภาษีอย่างหนักกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกผ่านทางภาษีศุลกากร และใช้ภาษีศุลกากรเป็นอาวุธในการแบล๊กเมล์ประเทศต่างๆ ทั่วโลก

การแบ่งงานกันทำระหว่างประเทศและการค้าเสรีเป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก การค้าระหว่างประเทศนั้นขึ้นอยู่กับทรัพยากรธรรมชาติและข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ และความสมัครใจและผลประโยชน์ร่วมกันถือเป็นคุณลักษณะพื้นฐาน หากการเกินดุลการค้าสินค้าของต่างประเทศกับสหรัฐ เป็นการเอาเปรียบสหรัฐ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ ในด้านการค้าบริการ สหรัฐจะมีดุลการค้ากับพันธมิตรการค้าโลกมูลค่า 295,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ถือเป็นการทำลายหุ้นส่วนการค้าโลกหรือไม่ หุ้นส่วนการค้าโลกควรลงโทษสหรัฐหรือไม่? สิ่งที่เรียกกันว่า “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ของสหรัฐนั้นขัดกับหลักตรรกะทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

สหรัฐอเมริกาคือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบการค้าเสรีโลก ผู้บริโภคชาวอเมริกันพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพสูงและราคาถูกจากทั่วโลก บริษัทข้ามชาติของอเมริกาถ่ายโอนกำลังการผลิตระดับล่างไปยังประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสร้างกำไรสูง สหรัฐอเมริกาเน้นความพยายามในด้านการเงิน เทคโนโลยีขั้นสูง และด้านอื่นๆ เพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการผูกขาด นาย Ngozi Okonjo-Iweala ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) เคยเขียนบทวิจารณ์ต่อสาธารณะว่า “สหรัฐอเมริกาคือผู้ชนะรายใหญ่ในด้านการค้า” สหรัฐอเมริกาเพิกเฉยต่อตรรกะและข้อเท็จจริงพื้นฐานเหล่านี้ และก่อสงครามภาษี ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้อื่นแต่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

การที่สหรัฐก่อสงครามภาษีศุลกากรได้คุกคามระบบการค้าเสรีของโลก ทำลายความสงบเรียบร้อยทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ซึ่งถูกต่อต้านอย่างหนักจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แถลงต่อสาธารณะว่านโยบาย “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ของสหรัฐจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก และส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคทั่วโลก นายกรัฐมนตรีคาร์นีย์ของแคนาดาเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “โศกนาฏกรรมของการค้าโลก” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ เรียกร้องให้ประเทศอาเซียนอย่าประมาทเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง แห่งสิงคโปร์ เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของสหรัฐจะผลักดันให้โลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการใช้อำนาจตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และอันตรายมากขึ้น จีนเป็นเป้าหมายหลักของสงครามภาษีตอบโต้ของสหรัฐ โดยอัตราภาษีสูงถึงระดับที่น่าตกใจถึง 145% เมื่อเผชิญกับการจัดการแบบไร้ยางอายและการกลั่นแกล้งของสหรัฐ จีนตระหนักได้ว่าการประนีประนอมและการยอมจำนนจะไม่ทำให้เกิดการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน แต่จะทำให้ผู้รังแกก้าวร้าวมากขึ้นแทน จีนได้ใช้มาตรการตอบโต้ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งต่อการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลของสหรัฐ ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องระบบการค้าเสรีของโลกและรักษาความยุติธรรมให้กับมวลมนุษยชาติด้วย

เป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนว่าเขาจะเรียกเก็บ “ภาษีศุลกากรตอบโต้” จากทั่วโลก สหรัฐอเมริกายังคงติดอยู่กับปัญหาที่ตนเองเป็นผู้สร้างขึ้น ขณะที่ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงสหภาพยุโรป แคนาดา และญี่ปุ่น แถมมีการร้องเรียนเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา ในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ที่ติดลบ 0.4% และการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนแสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกัน 70% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย นักเศรษฐศาสตร์กว่า 1,200 คนร่วมกันออก “ปฏิญาณต่อต้านภาษีศุลกากร” ผู้ว่าการรัฐ 13 รัฐฟ้องร้องทรัมป์ต่อศาล โดยอ้างว่านโยบายภาษีศุลกากรของเขานั้นผิดกฎหมาย และคะแนนความนิยมของรัฐบาลทรัมป์ก็ลดลงเหลือ 36% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ มีคำพูดโบราณของจีนกล่าวไว้ว่า “ยกหินขึ้นมาขว้างทับเท้าตัวเอง” การกำหนดภาษีศุลกากรในทางที่ผิดกำลังส่งผลเสียร้ายแรงต่อประเทศสหรัฐอเมริกาเอง

ระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม ตัวแทนของจีนและสหรัฐ ได้จัดการเจรจาด้านเศรษฐกิจและการค้าที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้บรรลุฉันทามติที่สำคัญ และออก “แถลงการณ์ร่วม” ฉันทามติที่สำคัญที่สุดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุได้คือ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมเป็นต้นไป สหรัฐจะยกเลิกการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสามรอบที่เรียกเก็บจากจีนตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนปีนี้ โดยคงอัตราภาษีไว้ 10% และระงับการเรียกเก็บอัตราภาษีอีก 24% เป็นเวลา 90 วัน จีนจะปรับภาษีตอบโต้ต่อสหรัฐเช่นกัน และทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งกลไกในการดำเนินการเจรจาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป ถือเป็นความก้าวหน้าเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากการปรึกษาหารือบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความร่วมมือ และความเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นผลจากการต่อสู้ การกระทำครั้งนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของโลกด้วย เราหวังว่าสหรัฐจะทำงานร่วมกับจีนต่อไป แก้ไขปัญหาการขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวตามใจชอบ รักษาการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐให้แข็งแกร่งและร่วมกันสร้างความแน่นอนและเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ในช่วงเริ่มต้นของสงครามการค้ารอบนี้ จีนประกาศชัดเจนว่าไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า หากสหรัฐต้องการพูดคุย ประตูของจีนเปิดอยู่เสมอ หากสหรัฐต้องการต่อสู้ เราพร้อมจะสู้จนถึงที่สุด เราจะทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ในโลกต่อไปเพื่อรักษาความยุติธรรมและความเป็นธรรมในระดับโลก ปกป้องระบบการค้าเสรีของโลกและระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ต่อต้านลัทธิฝ่ายเดียวและอนุรักษนิยม และต่อต้านการใช้อำนาจบาตรใหญ่และการกลั่นแกล้งในทุกรูปแบบ

ในช่วง 3 ปีกว่าที่ผมทำงานในประเทศไทย ผมรู้สึกด้วยตัวเองว่าประเทศจีนและประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมโยงกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นญาติที่ดีที่มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีชะตากรรมร่วมกัน เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมไปถึงความเสี่ยงและความท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ จีนและไทยควรสืบสานประเพณีอันดีของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกัน และตอบสนองต่อความท้าทายร่วมกัน ประเทศจีนยึดมั่นในการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและเปิดกว้าง และยินดีที่จะแบ่งปันโอกาสในการพัฒนาให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย จีนไม่เพียงแต่เป็นประเทศผู้ผลิตหลักเท่านั้น แต่ยังเป็นตลาดหลักด้วย โดยมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่เกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีโอกาสการลงทุนและความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและไทยมากมาย และมีแนวโน้มที่กว้างขวาง ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีนและได้บรรลุฉันทามติที่สำคัญกับผู้นำจีนเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนระดับสูงระหว่างจีนและไทยที่สำคัญยิ่งขึ้น จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของความสัมพันธ์ฉันมิตรอันดีระหว่างจีนและไทย บนพื้นฐานการเยือนประเทศไทยอย่างประสบความสำเร็จของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในปี 2022 และทั้งสองฝ่ายได้กำหนดเป้าหมายของการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน

จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับไทยเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์มากขึ้น และเพื่อเติมพลังบวกให้กับสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลกและภูมิภาค ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวาย