ทนายยิ่งลักษณ์ เล็งยื่นหลักฐานใหม่ปมขายข้าวได้ 1.4 แสนล้าน หักทอนกับค่าชดใช้
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวจีทูจี นำมาเปรียบเทียบกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง สิ่งที่เหมือนกัน คือ
“ตามคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่มีคำสั่งให้นายกยิ่งลักษณ์ รับผิดในอัตราร้อยละ 20 ของเงินจำนวน 178,586,365,140 คิดเป็นเงินจำนวน 35,717,273,715.23 บาท อ้างว่าเป็นความเสียหาย จากผลการขาดทุนในการดำเนินการ โครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2555/56 และ 2556/57 นั้น ในส่วนนี้ทั้งสองศาลเห็นตรงกันว่า “ท่านนายกยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน กขช. ยังไม่ถึงขนาดที่จะเป็นการจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงไม่ต้องรับผิด ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ.2539 มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8
นายนรวิชญ์ ระบุว่า ในส่วนที่แตกต่างและเพิ่มเข้ามา คือในส่วนของศาลปกครองสูงสุดที่ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 10,000 กว่าล้านบาท ระบุว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตในขั้นตอน “ของการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G TO G) โดย 1.ในขั้นตอนการระบายข้าวนั้น จะเห็นได้ว่าอยู่ในส่วนขั้นตอนของฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น เป็นประธานอนุกรรมการฯ 2.ในคดีอาญาเกี่ยวกับคดีทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(G TO G) ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมืองนั้น จะเห็นได้ว่าท่านนายกยิ่งลักษณ์ไม่ได้ถูกฟ้องให้เป็นจำเลยในคดีดังกล่าวด้วย
นายนรวิชญ์ ระบุต่อว่า 3.ส่วนตามคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโครงการรับจำนำ ปีการผลิต 2555/56 และ 2556/57 ในอัตราร้อยละ 20 ของ จำนวน 178,586,365,140 บาทนั้น ไม่ได้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวด้วยวิธีขายแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) มาเป็นฐานในการออกคำสั่งให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
“ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในฐานะทนายความจึงมีข้อสังเกตว่าคำพิพากษาในส่วนนี้ ที่พิพากษาให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 10,000 กว่าล้านบาทนั้น เป็นการพิพากษาที่เกินคำขอหรือไม่ ที่ว่าเกินคำขอหรือไม่นั้น ด้วยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวด้วยวิธีขายแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) นั้น มิได้ปรากฏเป็นฐานในการออกคำสั่ง ของกระทรวงการคลัง ตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ รับผิด แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังที่มีการออกคำสั่งของกระทรวงการคลังแล้ว“ นายนรวิชญ์ ระบุ
นายนรวิชญ์ ระบุอีกว่า หากพิจารณาตามคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้ระบุไว้ว่า “หากทางราชการมีการระบายข้าวได้ ในราคาที่สูงกว่าราคาที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีในโครงการรับจำนำข้าว นำมาคำนวณเป็นมูลค่าคงเหลือ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้นำมาหักคืนให้แก่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ได้ เป็นที่ทราบกันดี ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีการรัฐประหาร มีข้าวคงเหลือในคลังหรือโกดังประมาณ 18.9 ล้านตัน หากขายข้าวในราคาตลาดตามปกติ จะได้ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม 25 บาท ฉะนั้นข้าว 18.9 ล้านตัน หากขายได้ในราคา กิโลกรัมละ 25 บาท จะเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักทอนกับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 10,000 กว่าล้านบาทตามคำพิพากษา ท่านนายกยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้
“แต่น่าเสียดายในรัฐบาลยุคก่อนในช่วงปี 2558 -2562 ได้นำข้าวดีไปจัดเกรดเป็น A, B ,C ขายข้าวดีเป็นข้าวเน่า ขายกิโลกรัมละ 3 บาท 5บาทเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อไม่นานมานี้ ท่านภูมิธรรมฯ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ได้ขายข้าวที่เก็บไว้ในโกดังที่จ.สุรินทร์ แม้จะเป็นข้าวที่เก็บมาเป็นเวลา 10 ปี แล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถ ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 18 บาท ปัจจุบันทราบว่าข้าว 18.9 ล้านตันนั้น ได้มีการขายข้าวเสร็จสิ้นแล้ว ได้เงินประมาณ 140,000 กว่าล้านบาท ทีมทนายพยายามที่จะนำข้อเท็จจริงนี้เข้าสู่สำนวนในคดีนี้ แต่ไม่สามารถนำเข้าได้ เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้กำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจึงไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้“ นายนรวิชญ์ ระบุ
นายนรวิชญ์ ระบุว่า การขายข้าว 18.9 ล้านตันนั้น เป็นหลักฐานใหม่ ที่จะนำไปสู่การขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดี หรือมีคำสั่งชี้ขาดใหม่ได้ภายใน 90 วัน ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 หากได้นำไปประกอบการพิจารณาคดีใหม่ หรือนำเงินที่ขายได้ไปหักทอนกับเงินจำนวน 10,000 กว่าล้านบาทตามคำพิพากษาแล้ว จะทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญอย่างแน่นอน ในส่วนนี้ ทีมทนายจะได้ดำเนินการยื่นต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดี หรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ภายใน 90 วันตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ทั้งนี้ เพื่อให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ได้รับความเป็นธรรม ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามกระบวนการทางกฎหมายจนกว่าจะสิ้นกระแสความ