สถานีคิดเลขที่ 12 : มองเขมรแลสยาม โดย ปราปต์ บุนปาน

ขณะที่สถานการณ์บริเวณชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชากำลังทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้นตามลำดับ ส่วนอารมณ์ความรู้สึก “ชาตินิยมแบบโหยหาอริราชศัตรู” ในหมู่ประชาชนทั้งสองชาติก็ถูกปลุกเร้าจนน่าวิตก

อยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้ลองอ่านหนังสือออกใหม่ชื่อ “มองเขมรแลสยาม” เขียนโดย “รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ” ราชบัณฑิต (จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน) ซึ่งเพิ่งพินิจพิเคราะห์ความสัมพันธ์ของไทย-กัมพูชา ในมิติประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เอาไว้อย่างลึกซึ้งละเอียดลออ ทั้งยังเป็นคุณ (มิใช่โทษ) ต่อทั้งสองประเทศ

นี่คือตัวอย่างเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็น “เสียงเตือน” ที่พวกเราสมควรรับฟังกันพอดี

“ขณะที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาและสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นรับเอาวัฒนธรรมเขมรโบราณมาปรับปรุงแก้ไขกลายเป็นวัฒนธรรมของตนเองนั้น

“วัฒนธรรมของกรุงศรีอยุธยาที่ได้รับการปรับปรุงทั้งจากวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเดิม (ซึ่งได้อิทธิพลมอญโบราณ-เขมรโบราณ) ผนวกกับวัฒนธรรมในแคว้นสุโขทัยที่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันนั้นก็รุ่งเรืองและเติบโตขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักแทนที่วัฒนธรรมเขมรโบราณที่ค่อยๆ เลือนรางเจือจางลง

ADVERTISMENT

“วัฒนธรรมเขมรโบราณในบริเวณที่ราบลุ่มของทะเลสาบใหญ่เขมรคลายกำลังความเข้มแข็งศักดิ์สิทธิ์ลงไปบ้าง หลังการย้ายราชธานีไปอยู่ที่ตวลบาสาณและพนมเปญในรัชกาลของเจ้าพญาญาติ

“ซึ่งในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า 400 ปี (พุทธศตวรรษที่ 20-24) นี้ นักวิชาการนิยมเรียก (ในกรอบของตะวันตก) ว่า ‘เขมรสมัยกลาง’ (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สมัยหลังพระนคร) ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง ‘เขมรโบราณ’ กับ ‘เขมรปัจจุบัน’”

“จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราอาจมองเห็นพลวัตหรือความเคลื่อนไหวสัมพันธ์กันระหว่างวัฒนธรรมไทย-กัมพูชาได้เป็น 2 ช่วงใหญ่ๆ

“นั่นคือ ในช่วงแรกที่วัฒนธรรมเขมรโบราณมีความเข้มแข็ง เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของภูมิภาค วัฒนธรรมดังกล่าวได้ส่งอิทธิพลต่อวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาและส่งอิทธิพลต่อมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง

“หลังจากนั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาได้พัฒนาวัฒนธรรมของตนเองจนกลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของภูมิภาค กัมพูชาที่มีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมลดลงก็รับวัฒนธรรมของกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์กลับเข้าไป

“การรับวัฒนธรรมเหล่านี้มิได้แสดงออกถึงความอ่อนแอทางวัฒนธรรมหรืออิทธิพลทางการเมือง หากเป็นเพราะวิถีชีวิตที่มีความผสมผสานกลมกลืนกันจนดูเหมือนว่าความเป็นชาติหรือความเป็นรัฐที่ต่างกันนั้นมาจากการมีเส้นเขตแดนเป็นตัวกำหนด ในฐานะรัฐที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันนั่นเอง”

ถ้าคิดต่อจากมุมมองของอาจารย์ศานติ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นก็มีอะไรมากไปกว่าเส้นเขตแดน, รัฐ-ชาติ, ความมั่นคง และสงคราม

ปราปต์ บุนปาน