เรียงคนมาเป็นข่าว/ภาพข่าวสังคม

ผู้เขียน	ชโลทร

⦁…เข้าสู่โหมด “ปรับ ครม.” อย่างยื้อต่อไม่ไหว ไม่ได้หมายถึงเป็น “ผลดีอะไรต่อชีวิตประชาชน” ในภาพรวม เพราะไม่ว่าปรับอย่างไร ปัญหาหลักของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น “โครงสร้างอำนาจที่นำการพัฒนาถอยหลังลงคลอง” หรือ “โครงสร้างเศรษฐกิจที่ความเหลื่อมล้ำไม่หยุดขยาย” ล้วนมองไม่เห็นว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็นความหวังมากขึ้น ด้วย “ความคิดเดิมๆ ความกล้าหาญเก่าๆ” กระทั่งคนรุ่นใหม่ที่ดูจะมี “ความรู้” แต่ขาด “พลังแห่งอุดมการณ์ทางการเมือง”

⦁…ต่อให้ “ปรับใหญ่” รื้อ “โควต้ารัฐมนตรีมาวางกันใหม่” แต่ที่มาของ “ตัวบุคคล” ที่มีอยู่ ยัง “สวมหัวโขนระบบอุปถัมภ์” ที่หนีไม่ออกจากเล่นการเมืองแบบ “หาเงินจากตำแหน่ง” เพื่อใช้ “สร้างและรักษาฐานเสียง” เมื่อ “ยังคิดยังทำเหมือนเดิม” ความหวังว่าอะไรต่ออะไรจะดีขึ้น “เป็นไปไม่ได้”

⦁…แต่ในมุมที่โฟกัสไป “เลือกตั้งครั้งหน้า” ทิศทางการปรับชัดเจนว่าเป็น “เพื่อไทย” พยายามพลิกสู่ “เกมรุก” หลังจากใช้เวลาแบบมะงุมมะงาหรามานาน ทั้งที่รู้ว่าประเทศมีปัญหามากมาย แต่เลือกที่จะตั้ง “หลักอยู่ในอำนาจ” โดยเลือกที่จะไม่จัดการอะไร กระทั่งเกิดภาพ “ไม่มีอะไรสักอย่างที่ประสบความสำเร็จ” ไม่ว่าจะรื้อ “กลไกแช่แข็งประเทศ” ที่ “รัฐประหาร” สถาปนาไว้ หรือ “สร้างโอกาสแห่งความหวังของคนรุ่นใหม่” ที่ “กลุ่มผูกขาด” พาจมหายไปกับ “ร่องลึกและกว้างขึ้นของความเหลื่อมล้ำ” ซึ่งนับว่ายังโชคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร เริ่มตั้งหลักได้ว่า “ขืนปล่อยไปพากันพังแน่” และ แพทองธาร ชินวัตร น่าจะเลือก “ไม่ดื้อกับพ่อ”

⦁…ในจังหวะที่ “เชื้อความเกลียด” ที่คุอยู่ในอารมณ์ของคนบางกลุ่มในสังคมไทย ได้ช่องระเบิดขึ้นมาจาก “การเมืองภายในกัมพูชา” ที่ใช้ “ไทยโหมไฟรักชาติ” แม้สำหรับคนที่ “รู้เช่นเห็นชาติ” การเล่นการเมืองแบบ ฮุน เซน จะมองด้วยใจที่ “ไม่ตื่นตูมไปกับการสร้างสถานการณ์” ก็คงต้องยอมรับว่า “แพทองธาร” รับความพยายามที่จะโหมกระแสได้ดีทีเดียว เพราะการตอบโต้ “เขมร” แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ไม่น่าจะนับเป็นความฉลาดของ “ผู้นำไทย”

⦁…ที่จับตากันอยู่ตอนนี้เป็นการสรรหา “ผู้ว่าการแบงก์ชาติ” แทนคนปัจจุบันที่จะหมดวาระ “กันยายน” นี้ เป็นอีกตำแหน่งที่ไม่ง่ายนักจะทำให้หลุดจากการครอบงำของ “โครงสร้างอำนาจที่ดีไซน์ไว้” ในความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลก การบริหาร “การคลัง” กับ “การเงิน” ให้ประสานสอดคล้อง ต่างทำหน้าที่อย่างเข้าใจ และพร้อมจะหนุนเสริมกันและกัน เป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งเที่ยวนี้คนในรัฐบาล โดยเฉพาะ พิชัย ชุณหวชิร คงสมหวังได้บ้าง ว่าจะทำให้ “กระทรวงการคลัง” ทำงานง่ายขึ้น

⦁…ดุเด็ดเผ็ดมันของการ “ปรับ ครม.” รอบนี้ ดูจะอยู่ที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่แปลงร่างเป็น “พรรคโอกาสใหม่” ลอกคราบผู้บริหารชุดเก่าทิ้ง แต่งเนื้อแต่งตัวปรับ “ความคิด” และ “วิธีการทำงาน” กันใหม่ต้องยอมรับว่า สุชาติ ชมกลิ่น เล่นการเมืองแบบ “ทีเด็ด ทีขาด” สูง จังหวะไหนควรเป็นอย่างไร ไม่ลังเลที่จะเทใจ ลงมือแบบ “พร้อมรับทุกสถานการณ์” ลองแบบนี้ “เรื่องที่ดูยาก ก็ง่าย”

⦁…ที่ถูกเขย่ามากกว่าเป็น “ภูมิใจไทย” ระดับ “หัวหน้าอารมณ์ดี” อาจจะถึงวาระต้อง “ยกเท้าก่ายหน้าผาก” ได้ เพราะไม่เพียงจะถูกบังคับให้เสีย “กระทรวงใหญ่” แต่เกมยังเหมือนถูก “รุกให้จนกระดาน” ไปไกลถึงร้องเรียนให้ “ยุบพรรค” เป็นหมากบังคับให้ต้อง “กลืนเลือด” ด้วยเสี่ยงต่อการลามไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่จะเดือดร้อนกันไปมากกว่านี้