บก.ฟอรั่ม

2มาตรฐาน

เรียน บก.ฟอรั่ม

พ.ร.บ.อุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมกำหนดประเภทโครงการ 22 ประเภท ก่อนดำเนินโครงการจะเป็นของรัฐหรือเอกชนต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม Environmental Impact Assessment : EIA และ Healthy Impact Assessment : HIA โรงไฟฟ้าใต้ ทำหรือยัง? ถ้าทำแล้วทำไมสร้างไม่ได้

สมัยก่อน EIA และ HIA ยังไม่เกิด รัฐหรือเอกชนจะทำ PFS: Project Feasibility Study ศึกษาโครงการเป็นไปได้ จะทำเองหรือจ้างบริษัทที่ปรึกษาก็ได้ใช้เวลา 3-6 เดือน

Advertisement

ถ้า PFS ผ่านก็สามารถดำเนินโครงการได้เลยไม่ต้องไปถามม็อบ ปัญหาอุปสรรคที่รัฐหรือเอกชนเดินหน้าโครงการไม่ได้ เพราะรัฐบาลกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่น โดยจัดตั้ง อบต. อปท. ทำให้งานซ้อนงาน อำนาจซ้อนอำนาจ

20 ปีผ่านมาจะสร้างโรงงาน อุตสาหกรรมจังหวัด กระทรวงอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม เป็นผู้อนุญาต ขณะนี้ผู้ลงทุนต้องคิดหนัก จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กกลางใหญ่ ต้องผ่าน อบต.ต้องทำ EIA และ HIA พอเคลียร์พื้นที่จะทำ มีผู้มาขอให้ซื้อที่ใกล้เคียง เมื่อรายที่ 1 รายที่ 2 ขอได้ รายที่ 3 ก็ตามมา ถ้าไม่ซื้อปัญหาก็เกิด ม็อบเล็กกลายเป็นม็อบใหญ่ ผลสุดท้ายกลายเป็นม็อบการเมือง ปิดถนน ปิดล้อมสภา ให้เทวดามาเป็นรัฐบาลก็บริหารประเทศไม่ได้ ลองตรวจสอบหน่อยเป็นไรมีโครงการค้างอยู่กี่โครงการที่ยังสร้างไม่ได้

เป็นที่น่ายินดี 31 มีนาคม 2560 ผู้บังคับใช้กฎหมายเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เรื่อง ม.1/10 การตั้งบรรษัทน้ำมัน (NOC) โดยไม่เลือกปฏิบัติ มาช้าดีกว่าไม่มา สามารถพูดได้ว่ามีตำรวจไว้ดีกว่าไม่มี ถ้าจะให้ดี การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ละเมิดต้องทำทันที อย่าปล่อยให้คดีระเหยไปกับอากาศ

Advertisement

กรณีลูกเศรษฐีเครื่องดื่มชูกำลังขับรถชนตำรวจตายที่ซอยทองหล่อ สื่อต่างประเทศรายงานว่าผ่านมา 5 ปี ลูกเศรษฐีขี่เครื่องบิน Jet ท่องราตรีอยู่ที่ Europe และ America เหตุเพราะว่าตำรวจและอัยการปัดสวะผ่านกันไปผ่านกันมา ถามผู้บังคับบัญชาฝ่ายตำรวจ ท่านตอบว่าแล้วแต่พนักงานสอบสวน ตอบเหมือนผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร “ลาหู่” ถ้าเป็นผมกด
ออโตไปแล้ว

ท่านคงลืมไปว่าคำว่าผู้นำหรือตำแหน่งที่ท่านได้มา ไม่ใช่ผีจับยัดมาให้เป็น พูดผิดพูดใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขอร้องให้ คสช.ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่มีใครทำผมจะบนขอ “อภินิหาร” ท่านไกรทอง หรือชาละวัน จ.พิจิตร ไปเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้

All men are not equal บางคนรวย บางคนจน บางคนแข็งแรง บางคนอ่อนแอ ไม่ใช่แค่ One man One Vote เท่านั้น ประเทศชาติจะสงบสุขได้ ความยุติธรรมต้องไม่ 2 มาตรฐานครับ

นับถือ
ไพฑูรย์

ตอบคุณไพฑูรย์

2 มาตรฐานเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ หลายคนเข้าใจ แต่อีกหลายคนก็ไม่เข้าใจว่า ตราบใดที่แก้ปัญหานี้ไม่ได้ ก็ยากที่ความปรองดอง หรือความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้ ถ้าปฏิรูปทุกอย่าง แต่ยกเว้นเรื่อง 2 มาตรฐานเอาไว้ ก็เท่ากับบอกว่าบ้านเมืองเรายังมีข้อยกเว้นให้กับอำนาจพิเศษบางอย่าง และคงไม่ต้องไปไหนกัน

กรณีทายาทเครื่องดื่ม โด่งดังในต่างประเทศอย่างมาก เสียหายทั้งกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองเรา เสียหายทั้งตระกูลผู้ใช้อภิสิทธิ์ แต่ดูเหมือนไม่มีใครเดือดร้อนกันเลยครับ

 

ชี้แจง

เรื่อง ขอชี้แจงข่าวหนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560 หน้า 12 (บนขวา)

เรียน บรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์มติชน

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560 กรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้สนธิกำลังทหารมณฑลทหารบกที่ 36 และฝ่ายปกครองอำเภอวชิรบารมี เข้าปิดล้อมจับกุมผู้ลักลอบแปรรูปไม้เถื่อนบริเวณชายป่าท้ายหมู่บ้านดงยาง หมู่ 8 ตำบลบึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ตามที่ได้มีการร้องเรียนว่ามีการลักลอบตัดและแปรรูปไม้ส่งนายทุนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าไม้ดังกล่าวรับซื้อจากมอดไม้ในหมู่บ้าน และลักลอบตัดเองในป่าพื้นที่ ส.ป.ก. โดยจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่สีกากีบางคนในพื้นที่ แล้วนำไม้มาแปรรูปก่อนส่งขายให้นายทุนผู้ประกอบธุรกิจโรงไม้แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งทำมาแล้วหลายสิบครั้งเพิ่งถูกจับได้นั้น

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ขอเรียนชี้แจงว่าได้มอบหมายให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดพิจิตร (ส.ป.ก.พิจิตร) ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ แปลงเลขที่ 14, 16 ระวาง 5041/V1418 หมู่ 8 ตำบลดงยาง อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเป็นของนายกังวล อ่างทอง เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน พบว่ามีไม้ท่อนที่ยังไม่ได้แปรรูปวางอยู่ในพื้นที่เป็นไม้ สะเดา มะพร้าว มะม่วง ขนุน มะคึก (ต้นซึกหรืออีทึก) อ้อยช้างและตีนเป็ด (พระยาสัตบรรณ) ซึ่งอ้อยช้างและตีนเป็ดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก แต่ไม่พบไม้หวงห้ามประเภท ข และมีไม้บางส่วนที่ได้ทำการแปรรูปแล้ว ลักษณะพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่โล่ง ไม่มีโรงเรือนสำหรับแปรรูปและเก็บไม้

จากการสอบถามข้อมูลจากบุคคลอื่นๆ ที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงได้ความว่าไม้ทั้งหมดเป็นไม้ที่มีอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือน ไร่นา และป่าอ้อยในบริเวณหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งเจ้าของต้องการตัดทิ้งอยู่แล้วจึงได้ให้หรือขายให้ และนายกังวล อ่างทอง ต้องขนย้ายไม้ออกจากแปลงที่ดินของเจ้าของไม้ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้ทำการแปรรูปไม้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้กระทำผิดฐานครอบครองไม้และแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในกรณีการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่สีกากีบางคนในพื้นที่ นายกังวล อ่างทอง ให้การว่าไม่เคยจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่คนใดในพื้นที่

จึงเรียนชี้แจงมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและพิจารณาแก้ไข

ขอแสดงความนับถือ
นายบพิตร อมราภิบาล
รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทน
เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

 

ปรองดอง

เรียน บก.ฟอรั่ม

ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า “การปรองดอง” ในครั้งใหม่นี้จะสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและ คสช.โดยผมมีเหตุผลดังนี้

1.อำนาจในการปกครองประเทศทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลและ คสช.ทั้งสิ้นสรุปว่ามีเครื่องมือพร้อมประมาณนั้น

2.ความจริงใจของรัฐบาลและ คสช. ข้อนี้อธิบายว่าได้เคยมีคณะทำงานปรองดองมาหลายคณะได้สรุปผลสูงสุด แล้วเสนอต่อผู้ปกครองประเทศมาแล้ว แต่ยังไม่ได้นำมาทำให้เกิดรูปธรรม เราจึงต้องการความจริงใจ (ผมไม่ได้บอกว่าใครไม่จริงใจ แต่อยากได้ความจริงใจ)

สรุปอยากได้ความจริงใจจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องปรองดอง ขอเท่านี้จะได้หรือไม่ครับ? ประสบการณ์เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา น่าจะทำเพียงเพื่อได้ชื่อว่า “ได้ทำแล้ว” เท่านั้น

3.คนจะมาจัดการปรองดอง “ต้องไม่ใช่คู่ขัดแย้ง” หรือ “เป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย” ข้อนี้ สั้นๆ (ภาษากฎหมาย) เข้าใจไม่ยากเลยครับ

4.จากข้อ 1-3 คือถ้าพร้อมแล้ว ก็ให้ดำเนินการโดย “บริสุทธิ์ยุติธรรม” (ตามหลักหรือแก่นของโลก คือ ความจริง, ความดี และความงาม)

สรุปข้อ 4 นี้สั้นๆ ว่า “ต้องยุติธรรม” แบบโลกสากลยอมรับ ไม่ใช่ยุติธรรมของใครกลุ่มใดประเทศใดๆ อยากได้ความ “ยุติธรรม” แบบสากลนิยมที่วิญญูชนและโลกยอมรับนะครับ

ผมขอยืนยันด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรี คุณงามความดีที่ได้สั่งสมมายาวนานว่า ถ้าทำตามข้อเสนอของผมนี้ รับรอง “การปรองดอง” ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนทุกประการ ใจจริงของผมเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนชาวไทยทั้งมวลนั่นเอง…สวัสดี

จากใจจริง
“คนเคยสั่งราชการแทน
ปลัดกระทรวง”

ตอบคุณคนเคยสั่งฯ

ใครๆ ก็คงอยากให้การปรองดองเกิดขึ้น เพราะเบื่อหน่ายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อยากให้บ้านเมืองสงบสุข ผู้คนพูดจากันรู้เรื่อง รับฟังเหตุผล อยู่ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้อย่างเป็นธรรม มีปัญหาก็แก้ไขไปตามวิถีทาง ไม่ต้องปฏิวัติรัฐประหารให้บ้านเมืองเสียหาย

แต่สูตรของการปรองดองคืออย่างไร เสาะแสวงหากันมาหลายรอบ ลงมือทำกันแล้วหลายครั้ง เสียงบประมาณไปพอสมควร แต่ความปรองดองก็ยังไม่เกิด เพราะยังไม่มีการปฏิบัติตามข้อสรุป

หนึ่งในข้อสรุป ที่จะนำไปสู่การปรองดอง คือต้องกำจัด 2 มาตรฐานให้ได้

คสช.เอง เข้ามาใหม่ๆ เคยออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 63/2557 เรื่อง นโยบายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของรัฐ เมื่่อ 12 มิ.ย.2557 ระบุว่า การดําเนินคดีต่างๆ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา และการทําหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการทําหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมว่ามีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งทําให้ปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมเกิดขึ้นและอาจมีเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต

ในคำสั่งนี้ คสช.ระบุว่า คสช.มีนโยบายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของรัฐว่าประชาชนต้องได้รับความเป็นธรรมภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายอย่างทั่วถึง โดยเสมอภาคและเท่าเทียมกันในกระบวนการยุติธรรม

องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นศาล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ องค์กรอิสระอื่นๆ อัยการ สํานักงานตํารวจแห่งชาติกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ต้องปฏิบัติงานด้วยความเที่ยงธรรม มีบรรทัดฐานที่ชัดเจนในการดําเนินคดีตามประเภทคดีที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ ซึ่งสาธารณชนสามารถตรวจสอบได้

หลีกเลี่ยงการดําเนินการใดๆ ที่อาจมีผลทําให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สาธารณชนในการบังคับใช้กฎหมาย อันจะนําไปสู่ความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคม ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมและไม่มีการเลือกปฏิบัติ

นั่นคือคำสั่ง 63/2557 ส่วนผลทางปฏิบัติเป็นยังไง ต้องลองพิจารณากันเอาเองครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image