เมื่อวันที่ 9 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ยื่นฟ้อง นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วยการเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว แล้วปฏิบัติหน้าที่ตามการสั่งการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2537 ด้วยการกลั่นแกล้ง รวบรวมข้อเท็จจริงโดยไม่ถูกต้องและบิดเบือนข้อมูลต่างๆ แล้วสรุปว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งไม่เป็นความจริง แม้ว่าต่อมาศาลชั้นต้นจะได้พิพากษายกฟ้องนายจิรชัย โดยไม่มีการไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม บัดนี้ ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเสีย แล้วให้ศาลดำเนินกระบวนการพิจารณาใหม่ และไต่สวนมูลฟ้องคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นโจทก์ฟ้องนายจิรชัยฯ เป็นจำเลย แล้วมีคำพิพากษาต่อไป
ด้านนายนพดล หลาวทอง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ศาลอุทธรณ์ได้ให้ความเป็นธรรมต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ และผลของคำพิพากษานี้จะได้แถลงส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากการไต่สวนมีมูล ว่านายจิรชัยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็แสดงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกกลั่นแกล้งให้ต้องรับผิดโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ยืนยันเรื่องนี้ตลอดมาว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งเป็นเกษตรกรหลักอันสำคัญของประเทศ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ดำเนินการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลขณะนั้น โดยถูกต้องตลอดมา
