ยุทธพรชี้ ‘แพทองธาร’ ต้องแถลงจุดยืนสัมพันธ์ส่วนตนกับกัมพูชา – ไม่ลาออกก็ต้องชัดเจน ยันรัฐบาลแห่งชาติไม่เกิดขึ้น

ยุทธพรชี้ ‘แพทองธาร’ ต้องแถลงจุดยืนสัมพันธ์ส่วนตนกัมพูชา – ไม่ลาออกก็ต้องชัดเจน ยันรัฐบาลแห่งชาติไม่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจมติชน ได้สัมภาษณ์ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สืบเนื่องจาากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา การมีคลิปเสียงของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา รวมถึงการประกาศถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย จนนำมาสู่เหตุการณ์ทิศทางของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เกิดขึ้น

รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าทางออกนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีอยู่ 3 ทาง ได้แก่ 1.การลาออก เป้าหมายคือต้องการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ซึ่งลำดับถัดไปก็มี แคนดิเดตนายกมี 5 คน ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย (142 เสียง), นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทย (71 เสียง), พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (องคมนตรี) และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แคนดิเดตจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง), และนายจุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์แคนดิเดตจากพรรคประชาธิปัตย์ (25 เสียง)

ส่วนพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตจากพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถเป็นแคนดิเดตได้ เพราะว่า มีจำนวน ส.ส. ไม่ถึง 25 คน ซึ่งจะรับหรือไม่ หรือจะแก้ปัญหาวิกฤตต่างๆ ได้หรือไม่

ในขณะเดียวกันจุดนี้ก็ไปสัมพันธ์เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะปัญหาภัยคุกคาม อีกทั้งเรื่องเศรษฐกิจก็ดี งบประมาณที่กำลังรอเข้าสภาต่างๆ จะเป็นอย่างไร

ADVERTISMENT

2.การยุบสภา เป้าหมายคือ การคืนอาจให้กับประชาชน ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็คือ จะมีช่องว่างเรื่องสุญญากาศทางการเมืองไม่น้อยเลย การยุบสภารัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ต้องมีเรื่องการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน และไม่เกิน 60 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน 2 เดือน โดยประมาณ

ในขณะเดียวกัน การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ใช้ระยะเวลานาน เมื่อรวมกันแล้วก็ 3-4 เดือน ยกตัวอย่างการเลือกตั้งปี 2566 กว่าจะตั้งรัฐบาล ก็ใช้ระยะเวลา 6 เดือนได้

“เพราะฉะนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นของการมีช่องว่างหรือสุญญากาศทางการเมืองแบบนี้ โดยเฉพาะปัญหาภัยกัมพูชา มันก็เป็นสิ่งที่เท่าทันกัมพูชาพอดี ซึ่งทำให้เราเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เกิดความแตกแยกต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ชายแดนก็ดี หรือแม้กระทั่งประเด็นในศาลโลก ที่มีการยื่นกฎหมายระหว่างประเทศ ก็จะส่งผลตรงนั้นเช่นเดียวกัน

ในขณะเดียวกัน การยุบสภาเราก็ไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เราเคยมีบทเรียนเมื่อปี 2556 เมื่อเกิดวิกฤตการเมืองการยุบสภา สุดท้าย 22 กุมภาพันธ์ 2557 ก็ไม่ได้มีการเลือกตั้งจนท้ายสุดก็จบด้วยการรัฐประหาร” รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว


รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวต่อประเด็นที่ 3.การอยู่ต่อ แน่นอนว่าเป้าหมายการอยู่ต่อ คือการปรับครม. ในการแก้เศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าแรงต้านมีอยู่สูง ก็จะต้องทำหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น การแถลงจุดยืนที่ชัดเจนต่อปัญหาภัยกัมพูชา อาจจะเป็นจุดยืนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับทางสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ต้องชัดเจน ทั้งการปรับความสัมพันธ์กับกองทัพ รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน และที่สำคัญท่าทีพรรคร่วมหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

“การแถลงการณ์กับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก็สำคัญ เพื่อกระชับอำนาจต่างๆ เหล่านี้ด้วย และการประชุมร่วมฝ่ายความมั่นคงที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีความชัดเจนเรื่องบทบาทความสำคัญของกองทัพ และนายกรัฐมนตรีเองอาจจะต้องแถลงการณ์ขอโทษประชาชนที่ไม่สบายใจ กับบุคคลที่พาดพิงในคลิปเสียงดังกล่าวที่หลุดออกมา ซึ่งหากจะอยู่ต่อต้องทำหลายอย่าง ซึ่งทั้ง 3 ทางต้องวิเคราะห์เป้าหมายถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย”รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว

รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวประเด็นการรวมพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ว่า ณ วันนี้ผมมองว่ายังกังวลต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่มีต่อรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นไปได้ว่าบางส่วน จะถอนตัว นอกจากภูมิใจไทย หากจะมีพรรคอื่นอีก เสียงก็จะไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา ก็อาจจะเดินต่อได้ลำบาก เพราะยังมีเรื่องงบหมายงบประมาณรอเข้าสภาอยู่

หากมีการเลือกตั้งใหม่ แน่นอนว่าพรบ.งบประมาณยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการ แน่นอนว่าก็ต้องตกไปและอาจจะต้องใช้งบประมาณเดิมไปก่อนจนกว่าจะมีสภาชุดใหม่ หากมีการเลือกตั้งใหม่ ไม่เกิน 60 วัน มันก็ไปถึงสิ้นปีช่วงงบประมาณอยู่แล้ว อาจจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ จะคล้ายๆ กับสถานการณ์การเลือกตั้งปี 2566 งบประมาณทุกอย่างล่าช้าไปหมด โครงการของรัฐก็ต้องชะลอ

ส่วนประเด็นรัฐบาลแห่งชาติ รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า ณ วันนี้เกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่ารัฐธรรมกำหนดว่า รัฐมนตรีต้องได้รับการแสดงชื่อจากบัญชีรายชื่อ ที่พรรคการเมืองได้ยื่นไว้ เรื่องการจะปลดล็อกเรื่องแคนดิเดต ซึ่งอยู่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นบทเฉพาะกาลและได้สิ้นบทไปแล้ว พร้อมกับอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสว. (ระหว่าง สส. กับ สว.) ฉะนั้นวันนี้สิ้นบทไปพร้อมกันแล้ว

 

“ณ วันนี้ปลดล็อกไม่ได้ ต้องเลือกนายกจากแคนดิเดตที่แต่ละพรรคเสนอไว้ และมีเสียงสนับสนุนของพรรคนั้น ฉะนั้นการมีรัฐบาลแห่งชาติ มีนายกคนนอก ณ วันนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว”รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว

เมื่อถามว่า วันนี้เราเดินตามเกมกัมพูชาหรือไม่?
รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า ผมว่าเราไปตกหลุมพรางกัมพูชา คำถามคือการปล่อยคลิปของสมเด็จฮุน เซน ครั้งนี้เขามีเป้าหมายอะไร ผมคิดว่า มี 2 เรื่องใหญ่ๆ 1.การเมืองในกัมพูชา เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมต้องปล่อยคลิปเมื่อวาน (18 มิ.ย.2568) เนื่องจากเมื่อวานกัมพูชามีการชุมนุมใหญ่ และผู้นำในการชุมนุมก็คือ ลูกอีกคนหนึ่งของสมเด็จฮุน เซน แน่นอนว่าเขาหวังผลการสร้างกระแสเรื่องชาตินิยม กระแสความนิยมต่างๆ ของตัวสมเด็จฮุน เซน

และ2.การเมืองในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเกิดปัญหา ความแตกแยกความวุ่นวาย ความไร้เสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งนำไปสู่การไร้เสถียรภาพทางการเมืองในภาพใหญ่ทั้งหมด และนั้นส่งต่อการได้เปรียบ เสียเปรียบ ทั้งการเมืองระหว่างประเทศกรณีไทย-กัมพูชา และในทางกฎหมายระหว่างประเทศ ที่กัมพูชาได้ยื่นต่อศาลโลก ก็เป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นยิ่งเราไปพุ่งเป้าประเด็นขับไล่รัฐบาล ขับไล่นายก แน่นอนว่าเราตกในเกมกัมพูชา

“ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่า เรากำลังแสดงความชอบธรรมให้รัฐบาลต่อ แต่ว่าเราต้องแยกประเด็นให้ออก ว่าอะไรคือผลประโยชน์ของชาติ อะไรคือสิ่งที่เป็นปัญญาการเมืองระหว่างประเทศก็จัดการไป นายกรัฐมนตรีจะถูกตรวจสอบอย่างไร ถูกดำเนินมาตรการใดก็ว่ากันไป ทางการเมืองก็ดี ทางกฎหมายด็ดี แน่นอนว่า การเมืองระหว่างประเทศ เราต้องไม่ทำให้สถานการณ์ตรงนี้ให้เราอ่อนแอหรือขาดเสถียรภาพ” รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวปิดท้าย