‘จุดยืน’ การเมืองไทย..หลังฟังคลิป ‘หลานอิ๊งค์’ คุย ‘อังเคิลฮุน เซน’

หมายเหตุหลังสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ปล่อยคลิปเสียงการพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568  โดยมีการพาดพิงการทำหน้าที่ของแม่ทัพภาคที่ 2 และมีการรับข้อต่อรองของฝ่ายกัมพูชา ทำให้เกิดการแสดงจุดยืนของฝ่ายต่างๆ เรียกร้องให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ขณะเดียวกันนายกฯได้เรียกประชุมเหล่าทัพเพื่อแสดงจุดยืนในเรื่องนี้เช่นกัน พร้อมกับการแถลงการณ์ของรัฐบาลต่อกรณีดังกล่าว

แถลงการณ์รัฐบาลกรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา 

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้ เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรากลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม

รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียวคือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ

ADVERTISMENT

รัฐบาลที่มาจากประชาชน ต้องปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน และต้องไม่แสดงออกเพียงมุ่งหวังคะแนนนิยมทางการเมือง เมื่อปรากฏเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจ และไม่มีความเคารพซึ่งกันและกันในการร่วมมือแก้ไขปัญหา รัฐบาลไทยจึงได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมความพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามของชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือและประสานการปฏิบัติกับผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิดเป็นเอกภาพ

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาเพื่อยื่นหนังสือประท้วง แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งขัดต่อหลักปฏิบัติในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นสากล และจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเป็นลำดับต่อไป

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังสามัคคีของพี่น้องชาวไทย ไม่ตกเป็นเหยื่อของสงครามข่าวสารที่อาจมีผู้ไม่หวังดีมุ่งทำลายเอกภาพของฝ่ายไทย ด้วยปฏิบัติการหลายรูปแบบ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

รัฐบาลขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะทุ่มเทอย่างที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมรับใช้และรักษาทุกชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างสุดความสามารถดังที่ได้ดำเนินการเสมอมา

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้าน 

ากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมาตั้งแต่กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฯฮุน เซน รวมถึงการประกาศถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จนนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อเช้า ที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรค ภท. ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความชอบธรรมสุดท้ายที่ น.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกฯ ได้ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อการบริหารราชการแผ่นดินหมดสิ้นแล้ว

หลังจากก่อนหน้านี้ การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ตระบัดสัตย์ ผสมพันธุ์ข้ามขั้วซึ่งผมและเพื่อนสมาชิกได้เตือนแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ให้กับประเทศได้ 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศของพรรค พท. เราเห็นแล้วว่าไม่สามารถส่งมอบคำสัญญาต่างๆ รวมถึงแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ให้กับประเทศ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูประเบียบราชการกระทรวงกลาโหม รวมถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ในวันนั้นหลายคนอาจจะพอมีความหวังอยู่บ้าง ว่าพรรค พท.ที่เคยเก่งเรื่องเศรษฐกิจจะแก้ไขปัญหาได้

แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ในภาพใหญ่ เราเห็นแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ และทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมาโดยตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์วิกฤตต่อตัวผู้นำ ที่ น.ส.แพทองธารได้ทำลายความเชื่อมั่นต่อตัวผู้นำประเทศไปจนหมดสิ้น

วันนี้ผม และเพื่อนสมาชิกพรรค ขอส่งข้อเรียกร้องที่มี 2 วัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อเตือนสติสังคม และคนไทยทุกคน เพื่อร่วมหาทางออกให้กับประเทศร่วมกัน จากข้อเรียกร้องที่แตกต่างหลากหลายเมื่อวานนี้ ทั้งผมเองที่โพสต์ให้นายกฯใช้อำนาจยุบสภา 2.อยากให้นายกฯลาออก และ 3.ที่อาจเลยเถิดไปค่อนข้างมาก คือการเรียกร้องให้เกิดการใช้อำนาจนอกระบบ เช่น การปฏิวัติรัฐประหาร

ผมคิดว่าอารมณ์ของสังคม ณ ตอนนี้ สิ่งที่เราขาดความเชื่อมั่นต่อตัวผู้นำประเทศ สิ่งที่อยากเชิญชวนประชาชนให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่วันนี้ทุกคนต้องการคืออะไร ผมเชื่อมั่นว่าประชาชนทุกคนต้องการรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ ดังนั้น ทางออกเดียวที่จะได้รัฐบาลที่แก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ รัฐบาลที่มีความชอบธรรม เป็นรัฐบาลที่มาตามระบบกลไกของระบอบประชาธิปไตย แม้อารมณ์ของสังคมที่เกิดขึ้นในวันนี้ อาจจะจัดตั้งม็อบเรียกร้องหน้าทำเนียบรัฐบาล หรือที่ต่างๆ แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนช่วยกัน คือการปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่ทางออกแน่นอน อย่าให้อารมณ์สังคมเลยเถิดไป

สำหรับการลาออกจะเพียงพอหรือไม่เพียงพออย่างไรนั้น สมการทางการเมือง ที่เป็นอยู่ตัวเลข ส.ส.ในสภาของแต่ละพรรคจากที่เป็นอยู่ รวมถึงการที่พรรค ปชน.ประกาศชัดมาตลอด แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ภายใต้รัฐสภาชุดนี้ เราจะไม่เป็นรัฐบาลแน่นอน รวมถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯที่ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในปี 2566 ที่ผ่านมา เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และท่านอื่นๆ นั้น

การใช้ช่องทางตามกระแสเรียกร้องให้นายกฯลาออก ภายใต้สมการทางการเมือง หน้ากระดานทางการเมืองที่เป็นอยู่ และแคนดิเดตนายกฯที่เหลืออยู่ ไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่รัฐบาลที่ดีที่สุด ไม่ใช่รัฐบาลที่สร้างทางออกให้กับประเทศได้ 

ดังนั้น ด้วยบริบทสถานการณ์ทั้งหมดที่เป็นอยู่ จุดยืนของผมและพรรค ปชน. คือร้องเรียกร้องให้นายกฯใช้อำนาจยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เลือกนายกฯคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประเทศ 

รวมทั้งการส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ที่อาจจะยังไม่ได้ออกมาประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ว่าถ้าท่านเห็นตรงกันเช่นเดียวกับพวกเรา ว่าการใช้อำนาจนอกระบบไม่ใช่ทางออก รวมถึงการเปลี่ยนตัวนายกฯไม่ใช่ทางออก และถ้าท่านไม่ได้ต้องการอยู่ในอำนาจต่อ เพื่อต่อรองตำแหน่งต่างๆ ท่านเห็นเรื่องการหาทางออกให้กับประเทศเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า สร้างรัฐบาลเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นประชาชนมากกว่า เราขอเรียกร้องให้หลายๆ พรรคที่จะมีการประชุมในวันนี้ ให้มีมติออกมาประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา

ประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา

ส.ว.ขอแถลงเรียกร้องขอให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่ง ขอแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ โดย น.ส.แพทองธารยอมรับว่าคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯฮุน เซน จริง มีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร กองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย อีกทั้งการสนทนาเป็นการยินยอม อ่อนข้อ และอ่อนน้อม ให้อริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฯฮุน เซน เรียกร้อง

การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา ที่ผ่านมาพฤติการณ์ผู้นำรัฐบาลส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ บัดนี้ความอดทนคนในชาติสิ้นสุดแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กมธ.ทหาร และ ส.ว.ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งนายกฯ 

โดย กมธ.ทหารฯเห็นว่า การกระทำของ น.ส.แพทองธารอาจเข้าข่ายความผิด ดังนี้ 1.ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ระบุว่า บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ประเทศ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์ รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิ และผลประโยชน์ของชาติความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูต และการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชนส่วนรวม

2.ผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐ ต่างประเทศ หรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 257 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 3.ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา หมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกฯไทย กับสมเด็จฯฮุน เซน ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 

กมธ.ทหาร และ ส.ว.ไม่อาจปล่อย น.ส.แพทองธารที่เป็นบุคคลฝั่งเดียวกับกัมพูชา เป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหารประเทศต่อไปได้ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่ง และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที

กมธ.ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามประเทศไทยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธารออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยจะไปยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันนี้