สุชาติ เผยไม่สบายใจการปฏิบัติตัวของ พีระพันธุ์ มองเป็นเด็กเกเรได้อมยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวเตรียมกลับมาเป็น รมว.แรงงานชี้เป็นหน้าที่ของนายกในการเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่ทั้งคู่กล่าวหาว่านายสุชาติเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่สำนักงานประกันสังคมเข้าซื้อตึก Skyy9 ในสมัยที่นายสุชาติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นายสุชาติกล่าวว่า ในวันนี้เป็นการเข้ามาฟังการซักค้านของฝั่งทนายจำเลย ภายหลังจากสัปดาห์ก่อนได้มีการเลื่อนไต่สวนออกไปเป็นวันนี้เนื่องจากทนายจำเลยที่ 1 ป่วยเป็นโรคโควิด-19 และตนเข้ามาตอบในฐานะโจทก์และชี้แจงให้ความเป็นธรรมกับตนเอง
เมื่อถามว่า กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าไปร่วมการจัดตั้ง ครม.แพทองธาร 2 เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากก่อนหน้านี้ ส.ส.ในฝั่งของนายพีระพันธุ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก แต่กลุ่มของนายสุชาติยังยืนยันสนับสนุนรัฐบาล
นายสุชาติกล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากลุ่ม 18 ของตนนั้นยังสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และมีความรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องการปฏิบัติตัวของนายพีระพันธุ์ และทางมติพรรคที่ออกไปก่อนหน้านี้ในการขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวของ ส.ส.จังหวัดชุมพร 3 ราย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 รายที่ออกมากดดัน
แต่ตนยังยืนยันว่ากลุ่มของตนตั้งแต่วันแรกที่ทราบมติของพรรคก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า ส.ส.ทั้ง 18 คน ยังยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลอยู่ แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้กลุ่มของตนสงสัยในพฤติกรรมของหัวหน้าพรรคของตน ที่สุดท้ายแล้วเป็นคนเชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้กันแน่ ตนอยากให้ประชาชนไปตัดสินใจในประเด็นนี้เอง แต่ในส่วนของตนนั้นไม่สบายใจอย่างแน่นอน
และในวันนี้กลุ่ม 18 จะมีนัดทานข้าวเพื่อหาทิศทางหลังจากนี้ เนื่องจากมีแนวทางที่แตกต่างจากหัวหน้าพรรคตนเองมาตลอด ซึ่งทางตนยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า หลังจากเห็นโผ ครม.แพทองธาร 2 ที่ออกมาแล้วมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้างหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ตนและกลุ่มไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงในส่วนตรงนั้นได้ นายกรัฐมนตรีจะมองว่าใครเหมาะสมจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็เป็นสิทธิของตัวนายกรัฐมนตรีเอง
แต่ก็อาจจะมีเสียงสะท้อนออกมาจากในกลุ่มของตนว่า ในวันที่อีกฝั่งหนึ่งไม่ชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่ แต่กลุ่มของตนมีความชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาลต่อ ตนมองว่าเป็นเหมือนกับเด็กเกเรที่ได้อมยิ้ม แต่กลุ่มของตนทำตัวเป็นเด็กดีเพราะต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อ รัฐบาลสามารถทำงานต่อไปได้ แต่กลุ่มเด็กเกเรกลับไปกลับมาในคำพูดกลับได้รับการตอบแทน คนที่อยู่ในสถานะเด็กดีก็ต้องมีสถานะที่จะคิดในส่วนของตนเองได้
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอีกครั้ง นายสุชาติกล่าวว่า ตรงส่วนนี้ไม่สามารถตอบได้ เพราะตนไม่ได้พูดในฐานะที่จะนำจำนวน ส.ส.มาพูดถึงเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหน้าที่ทั้งหมดในส่วนนี้เป็นของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว การนัดทานข้าวในวันนี้จะเป็นเพียงการหารือกับกลุ่มถึงพฤติกรรมของหัวหน้าพรรคของตนเท่านั้น รวมถึงเรื่องมติพรรคต่างๆ
ที่จะทำอย่างไรต่อไปหลังจากที่แนวทางของตนกับพรรคไม่สามารถไปด้วยกันได้แล้ว หากมีการออกมติอะไรออกมาก็จะใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส.และไม่ใช่การขู่อย่างแน่นอน แต่เป็นสิทธิความชอบธรรมและความพึงพอใจรวมถึงการที่ประชาชนจะได้ประโยชน์อีกด้วย อะไรที่จะสามารถทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดตนก็ต้องทำ แต่ถ้าเกิดมติพรรคมาบังคับพวกตน แต่ทางหัวหน้าพรรคไม่มีความชอบธรรมแล้ว ตนคงจะไปบอกให้ทุกคนในกลุ่มฟังก็คงไม่ได้ และภายหลังจากการคุยกันวันนี้หลังจากนั้นจะมีแถลงการณ์ของกลุ่มออกมาอีกครั้งหนึ่ง