ผู้เขียน | ชโลทร |
---|
⦁…พลังมวลชนซึ่งนัดรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิรอบนี้ ประสบความสำเร็จ มีผู้เข้าร่วมล้นหลาม ระดับทำให้ “แกนนำทั้งหลาย” หัวใจพอง ก่อความครึกครื้นในความร่วมมือร่วมใจ ทั้ง “ฝ่ายจัดการ-ท่อน้ำเลี้ยง-ปลุกเร้าและกะเกณฑ์ผู้คน-จัดการสถานที่” ประสานงานอย่างได้ผล เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต่างต้องมองไปในทิศทางเดียวกันว่า “รัฐบาลแพทองธาร” นับถอยหลังแล้ว และจะเปลี่ยนนายกฯมาเป็น ชัยเกษม นิติสิริ ก็ไม่จบ จะเป็นการเอา “คนป่วยมารับภาระ” อย่างไม่สมควรไป
⦁…จุดแข็งคือการ “เคลื่อนม็อบ” ทำได้ง่ายขึ้น ด้วยชัดเจนว่า “ไฟแห่งความไม่พอใจรัฐบาลเพื่อไทย” ลุกโชนขึ้นในใจผู้คนอย่างพร้อมจะขยายวงกว้างในทุกองค์ประกอบที่จะทำให้เกิดพลัง อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนอยู่ที่บรรดาแกนนำยังเคลียร์ไม่ชัดว่า “ไม่เอารัฐบาลชินวัตร” แล้วจะให้เป็น “รัฐบาลอะไร” ในกรอบที่มี “ความเป็นไปได้” และเมื่อ “แกนนำผู้ยิ่งใหญ่”ถึงกับเสนอให้ “ยอมรับรัฐประหาร” แม้บรรดา “ขาประจำ” ที่ชีวิตได้ดิบได้ดีจากเป็นตัวเลือก “เข้ามารับใช้เผด็จการ” จะไชโยโห่ร้องที่จะมีโอกาสอีกแล้ว แต่เชื่อว่าจะเป็นประเด็นที่แนวร่วมจำนวนไม่น้อยต้องถอยหลังไปตั้งหลัก ด้วยบทเรียนการนำประเทศสู่ความสิ้นหวังยาวนานเป็น 10 ปีที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ
⦁…ขณะการคืนอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่คนที่ทาง “แกนนำจะกล้ายอมรับ” เพราะชัดเจนว่า “ยุบสภา” เมื่อไร โอกาสแห่งชัยชนะจะเป็น “พรรคประชาชน” ที่อวตารมาจาก “อนาคตใหม่-ก้าวไกล” มีสูงกว่าพรรคไหน ซึ่งด้วย “โครงสร้างอำนาจ” ที่เป็นอยู่ ทุบโต๊ะได้เลยว่า “การบริหารอำนาจ” จะให้เป็นอย่างที่ “แกนนำม็อบ” วาดหวังไว้ ไม่มีทางเป็นไปได้และเมื่อ “อำนาจประชาชน” ถูกขัดขวาง ย่อมเสี่ยงและยากลำบากในการควบคุมความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่ทางออกของประเทศที่ราบรื่นอยู่ดี
⦁…เสียงเรียกร้องให้ “การรัฐประหารด้วยกฎหมาย” โดยที่เรียกกันว่า “องค์กรอิสระ” เคลียร์โครงสร้าง จัดอำนาจใหม่ แต่ที่ผ่านมาชัดเจนว่าถึงอย่างไรก็ “เด็ดขาดได้ไม่เต็มร้อย” แถมเกิดภาพ “นิติสงคราม” ที่มี “ประชาชนเป็นศัตรูคู่อริ” คำถามที่ว่า “อำนาจรัฐฆ่าฟันกับประชาชนจะนับว่าเหลือความเป็นชาติอยู่ได้อย่างไร”
⦁…ที่สุดแล้วทุกฝ่ายล้วนมีความชอบธรรม “เพื่อไทย” จำเป็นต้องครองอำนาจต่อ เพราะง่ายสุดที่จะรักษาระบบบริหารประเทศไว้ ขณะ “ม็อบ” เชื่อมั่นในพลังที่จะล้มล้างมากขึ้น “องค์กรอิสระ” ได้รับการเรียกร้องให้เข้ามาเคลียร์หาทางออก กระทั่ง “รัฐประหาร” ยังมีคนส่งเสียงดังขึ้นในการเรียกหา “อำนาจประชาชน” ที่มีความชอบธรรมมากที่สุด กลับมากมายด้วยความกังวลว่าจะถูกกีดกันโอกาส จนสร้างความวุ่นวายหนักหน่วงกว่า
⦁…ขณะที่ทางออกของประเทศ “มืดทึบ” มองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” ก้าวย่างของ “ภูมิใจไทย” ที่นำโดย เนวิน ชิดชอบ กับ อนุทิน ชาญวีรกูล กลับน่าสนใจยิ่ง หลังถูกเขี่ยทิ้งจากรัฐบาล การเดินสายร่วมกิจกรรมกับ “กองทัพ” อย่างให้เห็นความตั้งอกตั้งใจ ทำให้ผู้คนมองเห็นอีกทางออกหนึ่งคือ “รัฐบาลที่จัดตั้งโดยกองทัพในรูปการส่งพรรคการเมืองมาเป็นหน้าฉาก” การวางให้ “ภูมิใจไทย” เป็นตัวเลือก เมื่อถึงวันนั้น เป็น “เกมที่หาโอกาสแห่งอำนาจให้ตัวเอง” แบบไม่ต้องเหนื่อยกับการลงทุนสร้าง “คะแนนนิยม” จาก “อำนาจประชาชน” เหมือนที่พรรคการเมืองอื่นต้องทำ
⦁…ไหนๆ ก็ไหนๆ “โผ ครม.” ที่ลงตัวไป อยากจะบอกว่า “สติ ปัญญา ความสามารถ” การในจัดตั้ง “ทีมบริหารประเทศ” ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาท้าทายรอบด้าน ชัดอยู่ในเกณฑ์ “ห่วยจัด” นอกจากเป็นภาพตามที่ครหากันว่า “แบ่งโควต้าหาประโยชน์แล้ว” มองไม่เห็น “มุมไหนที่จุดประกายให้ผู้คนมีความหวังกับรัฐบาล”





