“อภิสิทธิ์” เชื่อ สนช.รื้อ พ.ร.บ.พรรคการเมืองแน่ โวปชป.โครงสร้างดีกว่ากม.กำหนด

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปฏิทินการทำงานของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ในการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่า เห็นด้วยที่ กรธ.จะส่งร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้สมาชิกสภานิตบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาก่อน เพราะเป็นกฎหมายที่ต้องทำให้เร็ว เนื่องจากทั้ง กกต.และพรรคการเมืองต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่จึงควรเร่งทำแต่เนิ่นๆ เพราะหากกกต.และพรรคการเมืองต้องปรับตัวช่วงเลือกตั้งก็จะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายได้ ซึ่งแนวทางนี้ของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ.ดังกล่าว จึงน่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนเชื่อว่าสนช.ต้องมีการปรับแก้พอสมควร จึงอาจต้องไปให้ความเห็นกันอีก เพราะยังมีความสับสนค่อนข้างมาก เช่น การให้สมาชิกเสียค่าบำรุงพรรค ซึ่งระหว่างนั้นจะตีความสถานะสมาชิก องค์ประกอบสาขาพรรคที่ประชุมใหญ่ รวมทั้งจะมีการประชุมกันครั้งแรกกันอย่างไร ส่วนเรื่องกรอบเวลาที่พรรคการเมืองต้องแก้ข้อบังคับใหม่นั้น คาดว่าหลังกฏหมายประกาศใช้ 3-4 เดือน ก็ต้องทำให้เรียบร้อย แต่ยังติดคำสั่งคสช.ที่ไม่ให้ประชุม ซึ่งก็จะทำให้พรรคการเมืองทำตัวไม่ถูก เมื่อกฎหมายพรรคการเมืองออกมา แล้ว คสช.ต้องทบทวนคำสั่งว่าจะผ่อนคลายแค่ไหน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมองพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่มีปัญหา เพราะโครงสร้างพรรคให้สมาชิกมีส่วนร่วมมากกว่าที่กฎหมายบอกด้วยซ้ำ เช่น ผู้บริหารสาขาพรรคเลือกโดยสมาชิกในพื้นที่อยู่แล้ว ขณะที่กฎหมายใหม่กำหนดให้มีแค่ 4 สาขา แต่เรามีกว่า 150 สาขา และการเลือกกรรมการบริหารโดยที่ประชุมใหญ่ก็ทำอยู่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่คือทำอย่างไรที่จะสื่อสารกับสมาชิกจำนวนล้านในเรื่องความจำเป็นที่ต้องจ่ายเงินค่าบำรุงพรรค เพราะเป็นเรื่องใหม่สำหรับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งตามธรรมชาติก็อาจจะทำให้จำนวนสมาชิกทุกพรรคลดลง แต่สำคัญคือต้องมีความชัดเจนว่าสมาชิกพรรคจะมีสิทธิมากขึ้นอย่างไร เพราะปัจจุบันสมาชิกที่ไม่จ่ายค่าบำรุงพรรคก็มีสิทธิอยู่แล้ว การจะไปบอกให้จ่ายเงินแล้วสิทธิลดลงนั้นเป็นเรื่องยาก และการทำอย่างนี้ต้องสะสางปัญหาในอดีตคือ นอกจากสิทธิสมาชิกไม่มีมากแล้ว หลายคนที่เป็นสมาชิกพรรครู้สึกว่าตัวเองสูญเสีย เพราะกฎหมายหลายฉบับห้ามไม่ให้เข้ารับตำแหน่ง จึงเป็นเรื่องสวนทางกับส่งเสริมให้มีส่วนร่วม เพราะกลายเป็นว่าเสียสิทธิในหลายเรื่อง ที่สำคัญ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับหลักคิดที่ว่าให้สมาชิกจ่ายค่าบำรุงพรรคจะทำให้เกิดความเป็นเจ้าของนั้นเป็นหลักการที่ดี แต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและเปลี่ยนวิธีคิดของสังคม ถ้ายังมีการกีดกันโดยสะท้อนผ่านกฎหมายก็สวนทางกัน ถ้าทำแบบอารยะประเทศได้จริง เช่น การเป็นเจ้าของมีส่วนร่วมไม่ถูกตัดสิทธิหรือถูกกลั่นแกล้งเพ่งเล็ง โดยฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีปัญหา ซึ่งพรรคได้เสนอความคิดไปส่วนหนึ่งก็ได้รับการตอบสนอง และมีการผ่อนผันให้สมาชิกที่ไม่ชำระค่าบำรุงมีเวลา4 ปีก่อนถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิก ก็น่าจะเพียงพอต่อการปรับตัว แต่บางเรื่องก็แปลก เช่น การเขียนเรื่องบทลงโทษการซื้อขายตำแหน่ง เช่นที่ระบุว่า พรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง กรรมการหากซื้อขายทางการเมืองต้องมีโทษ ถามว่าแล้วคนไม่เป็นสมาชิกไม่ถูกลงโทษหรือไม่ ตอนนี้จึงไปเติมคำว่า “ผู้ใด”เข้าไปแทน ซึ่งบทบัญญัตินี้ไม่ควรอยู่ในกฎหมายพรรคการเมือง แต่ควรจะอยู่ในกฎหมายเกี่ยวกับกฎกมายทุจริตคอรัปชั่น หรือการบริหารราชการแผ่นดิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image