เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเกาหลีเหนือว่า คิดว่ายังอยู่ในลักษณะแบบเดิม ที่เมื่อมีการจะเฉลิมฉลองอะไรสำคัญก็คือครบรอบ 105 ปีวันเกิดของ คิม อิล ซุง อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ จะมีการแสดงแสนยานุภาพ แสดงจุดยืนที่ไม่กลัวมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐซึ่งเป็นลักษณะที่ทำมาโดยตลอด จะมีการสวนสนามนำอาวุธใหม่ๆ ออกมาโชว์ แต่อันใหม่ที่ตนยังไม่เคยเห็นก็คือเรือดำน้ำติดขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ ก็ทำให้บรรยากาศตึงเครียดทันที เพราะต้องการจะข่มขู่เกาหลีใต้ และให้กระทบไปยังสหรัฐ ซึ่งสหรัฐก็ต้องมีการโต้ตอบ แต่ก็ต้องดูความเป็นไปได้หลายอย่าง เชื่อว่ามีการคุยอย่างไม่เป็นทางการ โดยให้จีนกดดันมายังเกาหลีเหนือ เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด และจีนก็ส่งสัญญาณไปแล้วว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีก็จะกระทบกับการค้าการลงทุนกับสหรัฐฯ
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า สถานการณ์น่าจะยังไปไม่ถึงสงครามโลก แต่คนก็เป็นกังวล เนื่องจากเกาหลีเหนือมีการสื่อสารกับกระแสโซเชียลแรง มีการออกข่าวต่างๆ และโซเชียลก็จะอ่อนไหวกับประเด็นเรื่องนี้มาก นอกจากนี้ จีนก็ยังประกบเกาหลีเหนืออยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น จีนและญี่ปุ่นจะแย่ที่สุด ขณะที่รัสเซียกับสหรัฐ แม้จะมีแรงเสียดทานกันมากจากเรื่องซีเรีย แต่ทั้งสองประเทศก็ยังสื่อสารกันอยู่ แสดงว่าสถานการณ์ยังไม่ตึงเครียดจริงๆ ระหว่างมหาอำนาจ แต่สงครามตัวแทนอย่างเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และในช่วงนี้ที่สหรัฐมีรัฐบาลใหม่เข้ามา เกาหลีเหนือจึงต้องการเรียกร้องความสนใจ และสื่อโซเชียลก็ขายได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์และความมั่นคง ของ พล.อ.ประวิตร มีการประชุมกันทุกวัน และมีการรายงานกันมาตลอด ซึ่งก็มีขั้นตอนกันอยู่แล้ว เช่น ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่มีคนไทยไปเที่ยวกันเยอะ ก็ให้สถานทูตให้ข้อมูลกับคนไทย และเตรียมประสานงานถ้ามีปัญหา ในชั้นนี้ยังไม่มีอะไรที่บอกเหตุขนาดนั้น การสวนสนามของเกาหลีเหนือมีเกือบทุกปี การข่มขู่ก็มีเกือบทุกปี สรุปก็คือมีการเฝ้าระวังอยู่ และมีแผนเตรียมพร้อมหากเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรดูแล้วเรียบร้อยดี
