พลันที่ นายทักษิณ ชินวัตร เล่นบทเป็น “ดาวยั่ว” ผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่าน “สื่อ”ต่างประเทศ
ก็มี “ข่าว”เชิง”วิเคราะห์”ตามมา
ไม่ว่าจะออกมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะออกมาจาก
นายสุริยะใส กตะศิลา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
1 สะท้อนความเป็นห่วงต่อ”คดีความ”
ไม่ว่าจะเป็นคดีโครงการจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นคดีธนาคารกรุงไทยของ นายพานทองแท้ ชินวัตร
ขณะเดียวกัน 1 สะท้อนความวิตก กังวล ต่อสถานะและเครดิตทางการเมืองที่เริ่มแปรเปลี่ยน
เพราะเริ่มมีความขัดแย้งภายใน “พรรคเพื่อไทย”
เพราะเริ่มมีความแตกแยกและแยกตัวภายใน “นปช.” โดยเฉพาะปัญญาชน นักวิชาการส่วนหนึ่ง ไม่ยอมรับการนำของ “นปช.”
จึงจำเป็นต้องแสดง “บทบาท”
จึงจำเป็นต้องแสดง “ความหมาย” ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ยังมีอยู่ในลักษณะเป็น”ผู้นำ”
เป็น “สะพานเชื่อม”ในทางความคิด
ในบรรดา “ข้อวิเคราะห์” อันมาจากฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมืองของ นายทักษิณ ชินวัตร
ข้อสังเกตเรื่อง”เอกภาพ”ภายใน “พรรคเพื่อไทย”สำคัญ
ข้อสังเกตเรื่อง”เอกภาพ”ภายใน”นปช.”อันถือเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับ”พรรคเพื่อไทย”สำคัญ
ต้องยอมรับว่า “พรรคเพื่อไทย” ถูกจับตา
ต้องยอมรับว่า “นปช.”ถูกจับตา
หากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต้องการทำลาย “พรรคไทยรักไทย”
ก็ต้องยอมรับว่า รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป้าหมายอยู่ที่ “พรรคเพื่อไทย” และรวมถึง “นปช.”
การแยกสลาย”พรรคเพื่อไทย”จึงเป็น”ภาระหน้าที่”
การแยกสลาย”นปช.คนเสื้อแดง”จึงเป็น”ภาระหน้าที่”อันเด็ดเดี่ยวและมั่นคงของกระบวนการรัฐประหาร
กระทั่งปรากฏข่าวการผลักดัน”คุณหญิง”คนหนึ่งเข้าไปมี”บทบาท”
กระทั่งปรากฏข่าวการดึงเอาแกนนำ “บางคน”ของนปช.เข้าไปเป็น “สปช.”และเข้าไปเป็น “สปท.”
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเป็นเพียง “ข่าว”
ตราบกระทั่งเดือนมีนาคม 2559 รักษาการณ์หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยังเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์
รักษาการณ์เลขาธิการพรรคก็ยังเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย
ตราบกระทั่งเดือนมีนาคม 2559 ประธานนปช.ก็ยังเป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นเลขาธิการ
ยังไม่มีอะไร”แปรเปลี่ยน”
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ท่าทีของ”พรรคเพื่อไทย” ท่าทีของ”นปช.”ต่อร่างรัฐธรรมนูญยังเป็นท่าทีเดียวกัน
ไม่ว่าต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
ไม่ว่าต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์
นั่นก็คือ เรียกร้องให้ “คืนอำนาจ”ให้”ประชาชน”โดยจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน การคืนอำนาจให้ประชาชนต้องคืนให้ครบ
การเลือกตั้งต้องเป็น “ประชาธิปไตย”
ท่าทีของ “พรรคเพื่อไทย” ท่าทีของ”นปช.” แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีของ”พรรคประชาธิปัตย์”
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีของ “กปปส.”
เพียงแต่มี นายทักษิณ ชินวัตร เล่นบท”ดาวยั่ว”เข้มข้นขึ้นเท่านั้น