ดาวยั่ว “ตัวพี่” มาแว้ว ทักษิณ ชินวัตร “เจรจากันเต๊อะ”

 

การเมืองเกิดแรงสั่นสะเทือนภายหลัง นายทักษิณ ชินวัตร ออกมายึดพื้นที่สื่อต่างประเทศต่อเนื่อง

ให้สัมภาษณ์วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล คสช. แบบ “จัดหนัก-จัดเต็ม” ทั้งมิติการเมืองว่าด้วยร่างรัฐธรรมนูญ อันส่งผลต่อไปยังมิติทางด้านเศรษฐกิจ

รวมถึงเสนอแนวทาง “เจรจากันเต๊อะ”

Advertisement

ภายในระยะเพียง 3 วันมีสื่อต่างประเทศระดับโลกเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ของไทย ถึง 4 สำนัก

เริ่มจาก เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล

ซึ่งนายทักษิณ กล่าวถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และการร่างรัฐธรรมนูญ ตอนหนึ่งว่า

Advertisement

รัฐบาลทหารกำลังทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงอันตรายยิ่งขึ้น ด้วยการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญจำกัดอำนาจของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง

การร่างรัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่การแสดง “จัดฉาก” ให้ชาวโลกเห็นว่าประเทศไทยกำลังกลับคืนสู่ประชาธิปไตย

แต่ในความเป็นจริงประเทศไทยเป็นเหมือนประเทศเมียนมา ก่อนการปฏิรูปทางการเมือง

ตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่แม้จะมีนายกรัฐมนตรี แต่องค์กรการเมืองบางกลุ่มกลับมีอำนาจเหนือกว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงอีก เพราะไม่มีประเทศใดอยากปฏิสัมพันธ์กับไทย

ในวอลล์สตรีต เจอร์นัล สิ่งที่นายทักษิณ ต้องการสื่อสารถึงผู้มีอำนาจอย่างหนึ่งคือ

“โปรดอย่ากังวลและอย่ากลัวว่าจะคิดแก้แค้น ผมไม่ได้ต้องการเงื่อนไขใดๆ เพื่อช่วยตัวผม แต่ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะให้ประเทศเดินหน้า ถ้าตั้งใจจะคืนศักดิ์ศรีให้ประชาชนชาวไทย ต้องมาพูดคุยกัน”

ก่อนตบท้าย

“ผมเป็นแค่หนูตัวเล็กๆ และไม่ได้อยู่ในบ้าน ดังนั้น ไม่ต้องกังวลกับหนูตัวนี้ และหยุดเผาบ้านเพื่อกำจัดผมเสียที”

ต่อเนื่องกัน นายทักษิณ ยังได้ให้สัมภาษณ์ผ่านไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า

ที่ผ่านมาตนเอง “เงียบมานานเกินไป” การออกมาพูดครั้งนี้เพื่อต้องการชี้แจงข่าวลือด้านลบและข้อกังวลเกี่ยวกับตนเอง

พร้อมส่งสัญญาณชัด

“ขอเสนอให้พูดคุยกัน ผมพร้อมแล้ว”

เป็นข้อเสนอที่ย้ำว่า ไม่ได้ขอเงื่อนไขใดๆ ให้ตัวเอง เพียงต้องการเห็นประเทศก้าวไปข้างหน้า เพื่อคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน

และว่า

ตนเองไม่ได้พยายามท้าทาย หรือท้าสู้กับทหาร แต่ในศตวรรษที่ 21 ไม่มีใครเคารพประเทศที่ปกครองโดยรัฐบาลทหาร และระบอบการปกครองใดไม่เคารพประชาชนก็จะอยู่ได้ไม่นาน

ทั้งยังกล่าวปฏิเสธ

ที่ผ่านมาไม่เคยเจรจากับทหาร เพื่อขอให้ยุติข้อกล่าวหาทั้งกับตนเองและครอบครัว ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แม้ว่าข้อกล่าวหานั้นเกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองก็ตาม

อาจเป็นเพราะข้อเสนอให้มีการเจรจา

เป็นความพร้อมของ นายทักษิณ ชินวัตร ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายไม่พร้อม ทำให้ข้อเสนอถูกทิ่มแทงกลับมาในทันที

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลระบุ เป็นข้อเสนอที่เกิดจากการสำคัญตัวผิด คิดว่านักการเมืองสำคัญกว่าประชาชน และจะไม่ยอมให้นักการเมืองโกง เข้ามามีส่วนกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง

แม้รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน รวมไปถึงนายทักษิณ แต่นายทักษิณซึ่งยังเป็นนักโทษหนีคดี ควรกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยอมรับอำนาจตุลาการเฉกเช่นประชาชนทั่วไป

ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกา หากคุยได้ก็คุย แต่ถ้ายังติดคดีหรือมีปัญหาอยู่ รัฐบาลในฐานะผู้รักษากฎหมาย ก็ไม่น่าคุยได้

“คิดว่าท่านอยากคุย แต่หากคิดง่ายๆ ตำรวจคงคุยกับผู้ที่ติดคดีอยู่ลำบาก แต่จริงๆ มีผู้แทนจำนวนมากที่จะพูดคุย เวทีมันเปิดหลายเวที ฉะนั้น จะทำอย่างไรก็ได้ หรือส่งข้อความมาให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญพิจารณา”

พล.อ.ธนะศักดิ์ ระบุ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่ปกติมักตอบคำถามการเมืองแบบโผงผาง ยืดยาว แต่ต่อข้อเสนอของคนแดนไกล กลับห้วนสั้น

“ผมไม่ได้มอง จุดประสงค์อะไร”

ส่วนเรื่องเจรจาต่อรองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็เขาพูดไปแล้ว กฎหมาย พูดด้วยกฎหมาย”

ไม่ชัดเจนแบบฟันธง แต่ก็บอกได้ในเบื้องต้นว่า จะไม่มีการเจรจาใดๆ ตามข้อเสนอของอีกฝ่าย

สรุปได้ว่ารัฐบาลและ คสช. ยังเสียงแข็งอยู่บนจุดยืนที่ประกาศมาตลอดว่า พร้อมเจรจาบนเงื่อนไขว่า “ทักษิณ” ต้องกลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมไทยเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม การยื่นข้อเสนอเจรจาของนายทักษิณ ได้ถูกนำไปขยายความให้ฉุกคิดในอีกมุมหนึ่งว่า หมากตานี้มวลชนคนเสื้อแดงอาจไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก

เพราะมองว่าเป็นการฉวยจังหวะขณะรัฐบาล คสช. ตกอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำในหลายๆ เรื่อง ยื่นเปิดฉากเจรจาต่อรองตกลงผลประโยชน์ร่วมกัน

โดยมองข้ามความรู้สึกคนเสื้อแดงที่เคยออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเหยื่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

จนเป็นเหตุให้ นายนพดล ปัทมะ แกนนำคนสนิทต้องรีบออกมาดับกระแสข่าวดังกล่าว

ยืนยันว่าข้อเสนอของนายทักษิณ ต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้าพูดคุยกันเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่ได้เคลื่อนไหวต่อรองประโยชน์ส่วนตัว

เพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นน้องสาวถูกยึดทรัพย์ในคดีจำนำข้าว แลกกับการที่คนตระกูลชินวัตร ยอมยุติบทบาททางการเมือง

“เป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง เป็นปฏิบัติการทางการข่าว หรือไอโอ ที่คนบางกลุ่มทำขึ้นเพื่อใส่ร้ายอดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน” นายนพดล ระบุ

เมื่อการ “ยั่ว” ยกแรกไม่ได้ผล

แถมยังโดนปฏิบัติการทางการข่าวของฝ่ายตรงข้าม เบี่ยงประเด็นไปอีกทาง จึงเกิดการ “ยั่ว” ยกสองตามมาติดๆ

ครั้งนี้เป็นคิวรอยเตอร์ กับอัลจาซีรา

นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวปฏิเสธกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ของอังกฤษ ถึงรายงานข่าวที่ว่าไปทำข้อตกลงกับทหาร ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวและของครอบครัว เพื่อแลกกับการถอนตัวจากการเมือง

ทั้งยังสวนกลับประเด็นข้อเสนอเจรจา

“รัฐบาลบอกว่าไม่สามารถคุยกับผมได้ เพราะผมมีคดี แต่ผมมองว่าการรัฐประหาร เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงยิ่งกว่า”

ขณะที่เว็บไซต์อัลจาซีรา ของกาตาร์ เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของนายทักษิณ ซึ่งได้กล่าวตอนหนึ่งพุ่งเป้าไปยังร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดิมว่า เป็นรัฐธรรมนูญแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมือนเขียนขึ้นในเกาหลีเหนือ

มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายทักษิณวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับภายใต้อำนาจรัฐบาล คสช. อย่างหนักหน่วง

อย่างช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในงานเลี้ยงปีใหม่และตรุษจีนของอดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ที่บ้านพักคุณหญิงแกนนำพรรค นายทักษิณ ซึ่งวิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยในงาน

กล่าวพาดพิงถึงร่างรัฐธรรมนูญ ที่เพิ่งแถลงเปิดตัว “ร่างแรก” ไปเมื่อปลายเดือนมกราคมว่า เห็นแล้วต้องบอกว่า “ห่วยแตก”

หลายคนมองว่านายทักษิณ กำลังเดินแผนโลกล้อมไทยอีกครั้ง ในจังหวะรัฐบาลทหารกำลังเสียศูนย์จากประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกคัดค้านอย่างหนักจากฝ่ายประชาธิปไตย

ก่อนหน้านี้ช่วงคดีจำนำข้าวกำลังเป็นที่จับตาจากสังคมภายในและภายนอก

เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาเล่นบทดาวยั่ว “ตัวน้อง” เปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเป็นว่าเล่น ไม่ว่าสเตรตไทม์ ในสิงคโปร์ ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ รวมถึงนักข่าวต่างประเทศในไทย

กระทั่งเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่ภาวะสุกงอม รัฐบาล คสช. เริ่มแกว่งไปตามแรงกดดัน

จึงเป็นคิวของ นายทักษิณ ชินวัตร

ดาวยั่ว “ตัวพี่” ได้ฤกษ์ออกโรง

ต้องจับตา “คนโดนยั่ว” จะเก็บอาการได้นานขนาดไหน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image