เมื่อวันที่13พฤษภาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวกระแสข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยเฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายถูกปรับ อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ เนื่องจากทำงานไม่เป็นทีมเดียวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ว่า เห็นด้วยที่ควรจะปรับครม.และไม่ใช่ปรับแค่กระทรวงเกษตรฯ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ควรพิจารณากระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากการบริหารงานในภาพรวมถือว่ามีปัญหา ไม่สามารถแก้ปัญหาความยากลำบากของประชาชน ยกตัวอย่าง เรื่องลงทุน ที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่เชื่อมั่นกับสถานการณ์ในประเทศและการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลา3ปี ที่ผ่านมา การลงทุนและค้าขายแทบจะไม่ขยับเลย ทั้งนี้มองว่าหากจะปรับก็เพื่อรักษาภาพลักษณ์การทำงานของรัฐบาลต่อไปอีกสักระยะ ซึ่งดีกว่าไม่ปรับอะไรเลย แต่เชื่อว่าคนใหม่ที่จะเปลี่ยนเข้ามาทำงานก็แก้ปัญหาได้ไม่ง่าย เพราะปัญหานั้นเกิดจากภายในและกระแสเศรษฐกิจโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้แต่รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งก็ต้องใช้ความสามารถเป็นอย่างสูง
“แม้ปรับก็ยังมีปัญหา ทางออกคือรัฐบาลกลับเข้าสู่ประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือก เพื่อนำแนวทางใหม่เข้ามาใช้แก้ปัญหา โดยพรรคได้คิดแผนฟื้นฟูประเทศ เป็นแนวทางใหม่ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น เพื่อแก้ปัญไว้แล้ว เพราะแนวทางของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯนำมาใช้นั้นเหมือนนำนโยบายเก่าของพรรคไทยรักไทยมาใช้ใหม่ ทั้งที่ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว จะแก้ด้วยวิธีเก่าไม่ได้ เพราะเราต้องสู้กับการค้าที่มีการแข่งขันมากขึ้นเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไปแนวทางแก้ปัญหาก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย” นายพิชัย กล่าว
