‘บิ๊กโด่ง’ ถก คปต.ปรับยุทธวิธี – อุดช่องโหว่ เหตุรุนแรง (คลิป)

‘บิ๊กโด่ง’ ถก คปต.ปรับยุทธวิธี – อุดช่องโหว่ เหตุรุนแรง ย้ำตรวจสอบทัศนคติ ติดตามพฤติกรรม คนในโครงการพาคนกลับบ้าน เผย มีแนวคิด ตั้ง ผู้ช่วยทูตตำรวจ ประสานงานมาเลเซีย ยัน คณะผู้แทนพิเศษ ไม่แตะงบประมาณใต้

เมื่อวันที่ 17 พฤษถาคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ส่วนหน้า เป็นประธานประชุมผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ครั้งที่ 3/2560 โดยพล.อ.อุดมเดช ว่า ในวันนี้เป็นการประชุมเน้นย้ำ การแก้ไขปัญหา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และติดตามความคืบหน้าของกลุ่มงาน กลุ่มที่2.ภารกิจงานอำนวยความยุติธรรมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ กลุ่มงานที่ 4.ภารกิจงานการศึกษา ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม กลุ่มงานที่ 5.ภารกิจงานพัฒนาศักยภาพในพื้นที่และคุณภาพชีวิตของประชาชน กลุ่มงานที่ 6.ภารกิจงานเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐและการขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งนี้คิดว่าต้องมีการปรับงานด้านการข่าว ให้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น และในส่วน การปฏิบัติ ในระดับทางยุทธวิธีของผู้ปฏิบัติ ซึ่งเราก็มีข้อสังเกตว่า อาจจะต้องมีการเพิ่มเติมแก้ไขอย่างไร สิ่งที่เคยสั่งการไว้ หากปฏิบัติตามนั้น เหตุการณ์ความรุนแรงบางอย่างก็ไม่น่าเกิดขึ้น เพื่อลดช่องว่าง ไม่ได้เกิดช่องโหว่ ที่ผ่านมา เคยให้คำแนะนำไปหลายอย่าง โดยเฉพาะความพร้อมของชุดเตรียมพร้อม ต่างๆ แผนที่จะต้องมีรายละเอียดแบบครอบคลุม รวมถึงอุปกรณ์บางอย่าง ที่เราไม่ได้มีมากมาย แต่ถ้าเราดำเนินการ สอดคล้องกับการข่าว จะสามารถป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นได้

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวจะตั้งผู้ช่วยทูตตำรวจ ประจําประเทศมาเลเซีย เพื่อประสานงานร่วมกัน พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า มีแนวความคิดแบบนั้น แต่ยังไม่ลงตัว เป็นเพียงข้อคิดเห็นขั้นเริ่มต้นว่าน่าจะมีผู้ช่วยทูตตำรวจ แต่ในความเป็นจริงผู้ประสานงานก็มีอยู่แล้ว เพราะทางมาเลเซีย มีการดูแลผู้ที่มีการเคลื่อนไหวในประเทศไทยที่ไปอาศัยอยู่ในมาเลเซียอยู่แล้ว ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาล เป็นหลักไม่ใช่กองทัพ เพราะกองทัพบกของมาเลเซียดูแลภาพรวมในการป้องกันประเทศ แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับเราก็คือตำรวจ ดังนั้นจึงควรมีการประสานงานในระดับตำรวจด้วยกัน แต่ขอย้ำว่าทุกอย่างยังไม่ลงตัวเป็นเพียงข้อคิดเห็น ที่จะต้องมีการหารือร่วมกันต่อไปถ้าเห็นชอบ จะต้องนำเรียนเพื่อขออนุมัติต่อไป

Advertisement

เมื่อถามว่า โครงการพาคนกลับบ้านต้องมีการคัดกรองเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อปิดกั้นช่องโหว่ที่อาจจะเกิดขึ้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องมีความเข้มงวด ในเรื่องของรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากส่วนหนึ่งเมื่อรับเข้ามาแล้วต้องมีการอบรมเพิ่มปรับแนวความคิด ในเรื่องต่างๆที่เขาคิดผิดพลาดไป ต้องทำความเข้าใจเรื่องต่างๆอย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งต้องตรวจสอบว่า เมื่อผ่านการอบรมแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบทัศนคติ อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญต้องติดตามเรื่องความเป็นอยู่ และพฤติกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้มีความชัดเจน

พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาถือว่าทำได้ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดบิ๊กซี จังหวัดปัตตานี มีคนที่อยู่ในโครงการพาคนกลับบ้านเข้าไปร่วมก่อเหตุด้วย ดังนั้นต้องทบทวนสิ่งเหล่านี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้ตนลงไปดูแล และตนก็พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์ทั้งหมดดีขึ้นให้ได้ แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเหตุขึ้นอีก เพราะเราไม่ได้มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาย

พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการถอนกำลังจากกองทัพภาคต่างๆกลับที่ตั้งเดิม ดังนั้นต้องเสริมสร้าง กำลังในพื้นที่เข้ามาดูแล เช่น งานดูแลรักษาความปลอดภัย ต้องเสริมสร้างชุดคุ้มครองตำบลให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย จะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งเราต้องมาดูเพื่อให้เกิดความสมดุล ระหว่างสิ่งที่ออกไปและสิ่งที่จะเข้ามาทดแทน แต่ก็ไม่อยากให้มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่จะมากเกินไป เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของประชาชน ที่อาจไม่เข้าใจ

พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ส่วนเรื่องการใช้งบประมาณนั้นต้องทำความเข้าใจ ว่าทุกส่วนราชการมีงบ ประมาณในการแก้ไขปัญหา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีอะไรที่น่าตกใจ อาจจะมีที่เป็นโครงการพิเศษ เช่นโครงการฝึกอบรมโครงการต่อต้านยาเสพติด แต่ในภาพรวมทุกส่วนราชการ มีการกระจายงบประมาณและสามารถตรวจสอบได้ คณะผู้แทนพิเศษ ก็มีหน้าที่ช่วยตรวจสอบ และประเมินผลการทำงาน ของส่วนที่เกี่ยวข้องในทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจเรื่องการใช้งบประมาณ

” มีบางโครงการ ที่ทำเรื่องของบกลาง ซึ่งไม่ได้มีจำนวนเงินมาก เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ก็จะกลับไปสู่ส่วนราชการที่ทำโครงการนั้นนั้น คณะผู้แทนพิเศษไม่ได้ไปรับเงินอะไรเลย ทุกอย่างมีขั้นตอนกำกับดูแล ตามระบบ ส่วนการจัดซื้อสิ่งอุปกรณ์เพิ่มเติมนั้นก็ดำเนินการตาม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทุกประการดังนั้นขอให้มั่นใจเรื่องการใช้งบประมาณยืนยันว่าไม่ได้นำเงินงบประมาณไปใช้ในสิ่งที่ไม่ดี ทุกคนตั้งใจอยากให้จังหวัดภาคใต้ดีขึ้นคณะผู้แทนพิเศษก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ให้ความร่วมมือดีก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาต่อไป” พล.อ.อุดมเดช กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image