…ชิงลงมือ เลือกปฏิบัติการถูกเวลา ในวาระครบรอบ 3 ปี แห่งการปฏิวัติ-รัฐประหาร ของ “คสช.” พอดิบพอดี กรณี “กลุ่มป่วนเมือง” ลอบวางระเบิด ห้องรับรองพิเศษนายทหารสัญญาบัตร ห้อง “วงษ์สุวรรณ” บริเวณชั้น 1 โรงพยาบาล
พระมงกุฎเกล้า มีผู้บริสุทธิ์ ได้รับบาดเจ็บ 25 ราย
…“เบาะแส” จากการสืบสวนเบื้องต้น ผู้ชำนาญการด้านระเบิดระบุว่า
“กลุ่มก่อเหตุ” เป็นฝีมือพวกเดียวกันกับที่วางระเบิด “หน้ากองสลากเก่า” ใกล้สี่แยกคอกวัว และหน้า “โรงละครแห่งชาติ” ถนนราชินี เป็น “ไปป์บอมบ์” อันมีลักษณะเหมือนกัน
…เป็นระเบิดแสวงเครื่อง มีส่วนประกอบดินดำ ใส่ท่อพีวีซี และนำท่อใส่ซุกซ่อนไว้ในแจกันดอกไม้ อีกทั้งพบไอซีไทม์เมอร์สายไฟ ใช้ตะปูเข็ม และเศษเหล็กเป็นส่วนประกอบระเบิด “มีรัศมีทำการ 2-3 เมตร”
…“เลวร้ายที่สุด-หนักแผ่นดิน” คือบทสรุปที่ถือว่าตรงประเด็น เหนือคำบรรยายมากสุด บทสัมภาษณ์ที่ชัดถ้อยชัดคำ จากปาก “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย
สิทธิสาท ผบ.ทบ. และ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
…เนื่องเพราะ ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไข้ “สูงอายุ” ส่วนใหญ่เป็นทหารเกษียณราชการแล้ว สถานที่ลงมือก่อเหตุ คือ “โรงพยาบาล” แม้ยามศึกสงครามระหว่างการรบยังไม่มีใครทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาล หรือแม้แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ว่าโหดๆ ดิบๆ สุดสุด “ยังไม่มีการวางระเบิดโรงพยาบาล” เลยเช่นเดียวกัน
…มีการวินิจฉัย ใส่สีตีไข่จับแพะชนแกะกันไปต่างๆ นานา ถึงกลุ่มมือมืด บ้างก็ว่า น่าจะไม่แคล้วคลาด 1.ขาเก่า ขาแก่ “ผู้สูญเสียอำนาจ” ที่ถูก “คสช.” ถอนรากถอนโคน แต่กำราบไม่หมด เหลือตอ ติดติ่งดูต่างหน้า เลยกลับมาย้อนเกล็ดซะ โดยยึดฤกษ์พานาทีเอาวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 3 ปี ของการ “ยึดอำนาจ” มาดิสเครดิต 2.“กลุ่มอำนาจเก่า” ซึ่งกาลครั้งหนึ่ง เคยเป็นเพื่อนร่วมรบกับ “คสช.” ยืนซดศัตรูกลุ่มเดียวกันมาเคียงบ่าเคียงไหล่ แต่ตอนหลังมีเรื่องผิดพ้องหมองใจกันหลายเรื่อง ทั้ง “นโยบาย” และที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ “ตัวบุคคล” เลยตีตัวออกห่าง
…แต่ในการขับเคลื่อนของ “คนกันเอง” มีการจำแนกแยกแยะ “มิตร-ศัตรู” ยึดกรอบทฤษฎีงานแนวร่วม กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ปฏิเสธพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง หยิบทุกเรื่องราวมาผูกโยง รุมกระหน่ำ 3.ปมเงื่อนมาจาก “คนมีสี” เตะตัดขาขบเหลี่ยมกันเอง เนื่องจาก ฤดูกาลโยกย้ายที่ผ่านมา มี “ตัวเต็ง” ที่จะขึ้นเส้นทางในตำแหน่งหลัก หลุดวงโคจรไปจำนวนไม่น้อย อีกไม่กี่เดือน จะมีปรับจูนโมเมนตั้ม “จัดแถว” กันใหม่อีกระลอก ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหว ชื่ออาจจะหายออกจากยุทธจักร แบบไม่มีวันกลับ 4.“ขบวนการก่อการร้ายจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ขยายอาณาจักร จากยะลา ปัตตานี นราธิวาส เข้าสู่ศูนย์สูตร ที่หมายใหญ่คือ “กรุงเทพฯ” เจาะเข้าสู่กล่องดวงใจ ปฏิบัติการสำเร็จมา 3 ครั้งซ้อน ซึ่งเกิดอาการ “เหิมเกริม” และต้องมีรายการถัดไป
…อย่างไรก็ตาม “บอมบ์ รพ.พระมงกุฎเกล้า” ไม่ว่าจะเหตุและปัจจัยมาจาก “คนกลุ่มใด” ต้องยืมปาก “บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กแป๊ะ” มาบรรยายสรรพคุณผู้กระทำว่า “เลวมาก” เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ และสถานที่ลงมือคือโรงพยาบาล
…จุดที่น่าห่วงใยมากเป็นไหนๆ คือ ในการไล่ล่า จัดการกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่ลอบวางระเบิด ขอให้ “ทางการ” ทั้งฝ่ายตำรวจและทหาร คลำเป้าให้ถูกต้อง ตรงกลุ่ม เพราะหาก ตอบโจทย์ผิด “คำตอบ” ออกมา ไม่ถูกต้อง “ความมั่นคง” จุดแข็งสุดของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” จะไปกันใหญ่
พลุน้ำแข็ง
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่