‘บิ๊กตู่’ลั่น อย่าวิจารณ์ รบ.บิดเบือนกลไกตลาด เดินชมบูธยางปล่อยมุขกระจาย


“บิ๊กตู่”เปิดทำเนียบให้ 8 กระทรวงพบบริษัทแปรรูปยางพารา เพื่อจัดซื้อในหน่วยงานตัวเอง ย้ำ ไม่ให้มีการนำยางเก่ามาเวียนเทียนขาย ลั่นมาตรการทำไม่ทุจริตและไม่บิดเบือนกลไกตลาด เยี่ยมชมบูธถามหาหมอนที่นอนแล้วไม่หงุดหงิด ลองนั่งเก้าอี้ยางพารา ถามคนขายเก้าอี้นี้จะช่วยให้หลุดตำแหน่งเร็วไหม พร้อมโชว็กระทืบกระเบื้องปูหลังคาจนแตก

เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 19 มกราคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และการใช้ประโยชน์จากยางพารา ซึ่งเป็นการนำภาคส่วนทั้งหน่วยงาน องค์กร และบริษัทเอกชนที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงเพื่อให้กระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะ 8 กระทรวง ที่มีรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงได้ร่วมเยี่ยมชมและเจรจาในเบื้องต้นเพื่อหาช่องทางในการจัดซื้อตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยผลิตภัณฑ์ยางพาราที่นำมาจัดแสดงแบ่งเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางพาราเพื่อการท่องเที่ยว 2.ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อการเกษตร 3. ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อการคมนาคม 4. ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อการทหาร 5. ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อการแพทย์และเครื่องสำอาง 6. ผลิตภัณฑ์เพื่อที่พักอาศัยและเครื่องอุปโภค และ 7. ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในการเยี่ยมชมว่า ที่ตนจัดงานวันนี้เพราะตนต้องการโปรโมชั่นให้พวกคุณ ตนไม่ได้เป็นคนซื้อแต่กระทรวงจะเป็นผู้ซื้อ ดังนั้นต้องทำคุณภาพและราคาให้แตกต่าง ถ้าของชนิดเดียวกันก็ต้องแข่งกันให้ได้ จะเป็นการยกระดับการใช้ยางในประเทศดีกว่าไปเอายางมาจากต่างประเทศที่ราคาใกล้เคียงกัน ก็ขอให้เอกชนช่วยชาติหน่อยด้วยการซื้อยางในประเทศบ้าง และขอให้ไปสำรวจด้วยว่าในหน่วยงานต่างๆใช้ผลิตภัณฑ์ยางอะไรได้ เช่น รถทหาร เครื่องยนต์ แล้วถามความต้องการแล้วก็นำมาคิดค้นคว้าและผลิตไม่ใช่รอให้เขามาซื้ออย่างเดียว โดยที่เขาไม่ต้องไปซื้อต่างประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เราต้องดูปริมาณยางของผู้ผลิตด้วย เช่นเดียวกับที่เราใช้ในมาตรการปลูกข้าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องมาหารือกันว่าเราจะช่วยกันอย่างไร คุยกันว่าจะลดพื้นที่ปลูกข้าวลงให้เหลือประมาณ 25 ล้านไร่ จะเดิมประมาณ 30-35 ล้านไร่ ซึ่งการส่งเสริมตรงนี้ให้ราคาสูงขึ้น เช่นเดียวกันที่เกษตรกรชาวสวนยางก็ต้องยอมลดลดพื้นที่ปลูกยางไปปลูกพืชอย่างอื่นบ้าง เราต้องช่วยกันทั้งสองทาง ถ้าไม่ช่วยก็ต้องอยู่แบบนี้ ไปไหนไม่ได้ แล้วก็เกิดการทุจริตขึ้นอีก ทั้งนี้อย่าโทษรัฐอย่างเดียว ต้องโทษคนทำด้วย เช่นไปซื้อยางมา ซึ่งจะเป็นยางเก่าหรือใหม่เราสามารถจะตรวจสอบได้หรือไม่ มันมีลักษณะต่างกันตรงไหนบ้าง หากตรวจสอบไม่ได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องหามาตรการร่วมกันตรวจสอบให้ได้ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ด้วย ต้องตรวจสอบให้ได้ว่าจะไม่มีการนำยางเก่ามาวนขายเด็ดขาดเพราะบางรายรับซื้อไปในราคากิโลกรัมละ 40 บาทแล้ว แต่ยังเอาเกษตรถือมาขายอีก เราต้องไปคุมคลังยางเก่าทั้งหลายให้ได้เรื่องนี้ให้พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุขประธานกรรมการกยท.เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายให้เกิดการทุจริตแน่นอน

Advertisement

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และการใช้ประโยชน์ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ของทุกกระทรวงต้องศึกษาดูงานของกระทรวงอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่จะซื้ออะไรก็ดูแค่ตรงนั้น เพราะเรากำลังแก้ไขทุกระบบ โดย 1.ต้องนำผลวิจัยพัฒนามาผลิตเองโดยใช้ยางในประเทศ ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยทำกันมา 2.ต้องยกระดับนักวิจัยของไทยเพื่อให้เขามีกำลังใจ ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนบ้าง เช่นเมื่อคิดออกมาก็ให้บริษัทนำไปผลิตต่อ 3.ต้องเร่งรับรองมาตรฐานหลายๆ ผลิตภัณฑ์ที่ตอนนี้ยังไม่รับรอง ซึ่งหลายผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเทคนิคมากเราก็ต้องเร่งออกการรับรองมาตรฐาน เว้นแต่ผลิตภัณฑ์ที่ต้องนำไปใช้กับความเร็วที่ต้องตรวจสอบให้ดี และ 4.การขึ้นทะเบียนนวัตกรรมที่ขณะนี้กำลังเข้า 20 รายการ รออยู่อีก 70 รายการ เราก็ต้องเร่งออกให้เร็ว

53

Advertisement

“รัฐบาลนี้แตกต่างจากรัฐบาลอื่นคือนำสู่การผลิต จำคำพูดผมไว้แล้วอย่ามาว่าผมข้างนอกอีกว่าบิดเบือนกลไกการตลาด เพราะมันคนละเรื่อง เรารับซื้อยางก็ซื้อจำนวนหนึ่ง ไม่ได้ซื้อทั้งหมด ทุกซีซี เรานำเข้ามาสู่กระบวนการผลิตและให้แต่ละหน่วยงานนำไปใช้ก่อน หากเราผลิตมาแล้วไม่มีใครใช้ก็ต้องมาตลาดกันอยู่แบบนี้ ต้องช่วยเหลือตัวเองตลอด รัฐบาลจะช่วยตรงนี้ แล้วการซื้อยางนี้เป็นการซื้อระยะแรกให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลว่าทุกคนอุดหนุนทั้งภาคการผลิตและภาคการบริโภค รวมถึงสร้างความเข้มแข็งในภาคเศรษฐกิจเรื่องประชารัฐของท่านสมคิดด้วย ทุกกระทรวงต้องไปหาทางที่จะทำอย่างไรให้การก่อสร้าง การใช้ต่างๆ ทุกกระทรวงสามารถใช้ได้หมดแต่ไม่ใช้ ผมจึงขอร้องรัฐมนตรีและข้าราชการทุกคนให้นำนโยบายนี้ไปปฏิบัติ ข้าราชการก็ต้องปฏิบัติตามเพื่อไม่ให้รัฐมนตรีเขาเหนื่อย สั่งแล้วมันไม่ต้องเกิด ไม่ได้ ท่านต้องนำกติกา กฎหมาย ระเบียบปฏิบัติต่างๆ มาดูว่าอะไรที่ทำให้ประเทศเราแข็งแรง ไม่ใช่เอากฎหมายมาบอกว่าอันนี้ก็ทำไม่ได้ อันนั้นก็ทำไม่ได้ แบบนั้นมันไร้ค่า ไม่ต้องทำวันนี้หรอก”

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนต้องไปดูว่าเราถูกใครก็แล้วแต่โจมตีอยู่ ทุกคนก็ต้องแก้ให้ตนบ้างว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เพราะหากฝ่ายโจมตีเขาดีนักทำไมเขาไม่ทำตั้งแต่ก่อนหน้านั้น แล้วที่บอกว่าเวลาไปซื้อยางเดี๋ยวจะโกงนั่น โกงนี่ แล้วถามว่าสมัยก่อนไม่โกงหรือไง สมัยนี้เขามีมาตรการอะไรหัดดูเสียบ้าง ต่างกันกับเขาไหมเพราะฉะนั้นอย่ามาพูด นี่ท่านต้องช่วยพูดให้ตนแบบนี้ เข้าใจหรือเปล่าท่านปลัด มีใครสงสัยอะไรไหม ถ้าเข้าใจเดี๋ยวจะมีการแม็ชชิ่งกับผู้ผลิตก็ต้องไปแข่งขันกัน ราคามันต่างกันอยู่แล้วเพราะเราใช้ยางในประเทศ เราต้องใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น วันนี้ทุกคนไปอุดหนุนยางต่างประเทศหมด แล้วเราจะไปพูดให้เขาแก้ปัญหาให้เราได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่เกิดปัญหาเหมือนเราที่ปลูกยางมากเกินไป ไม่เกิดความไม่โปร่งใส

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอขอบคุณทุกกระทรวงที่มาช่วยจัดงานนี้ ท่านนายกฯจะได้สบายใจว่าทุกคนร่วมมือกัน”

สำหรับบรรยากาศในการเดินเยี่ยมชมบูธ นายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมบูธต่างๆพร้อมกับซักถามลงรายละเอียด พร้อมกับขอให้บริษัทเอกชนทำสเปคและขนาดของสินค้าให้ชัดเจน เพื่อหน่วยงานต่างๆจะได้นำไปจัดทำทีโออาร์ในการจัดซื้อ โดยสินค้าจะต้องได้รับมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) และรับรองจากองค์การอาหารและยา(อย.) ด้วย เพราะถ้าไม่มีมาตรฐานจะจัดซื้อได้อย่างไร และแนะนำว่าอะไรที่ทำแล้วขายไม่ออกขอให้เลิกทำเพราะเสียเวลา ถ้าขายได้กระจ๊อกกระจิ๊กจะไปทำทำไม

โดยช่วงหนึ่งเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์เพื่อการทหาร ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้ชมที่นอนและหมอน พร้อมกับถามว่า กระทรวงกลาโหมจะจัดซื้อที่นอนได้หรือไม่ หรือซื้ออยู่แล้ว ซึ่งได้รับคำตอบว่าจัดซื้ออยู่แล้ว แต่เมื่อพลเอกประยุทธ์ถามย้ำว่าปีที่แล้วซื้อหรือยัง ก็ได้คำตอบว่าปีที่แล้วยังครับ จะซื้อปีนี้ ซึ่งทำให้พลเอกประยุทธ์ถึงกับหงุดหงิดแล้วกล่าวว่า “เดี๋ยวตีศอกเลย” โดยช่วงหนึ่งพลเอกประยุทธ์เรียกถามหาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ว่า “พี่ป้อมครับ กระทรวงกลาโหมขอให้มาดูคนอื่นเขาด้วย ทุกกระทรวงก็ต้องดูกันทั้งหมด ไม่ใช่แค่กระทรวงที่แจ้งมาว่าจะซื้ออะไร ท่านไปดูมาว่ากระทรวงของท่านใช้อะไรได้บ้าง” ส่วน 8กระทรวงให้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ด้วยว่าจะซื้ออะไร

และช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ชมและทดสอบแผ่นกระเบื้องยาง ด้วยการวางแผ่นกระเบื้องยางไว้ที่พื้นแล้วกระทืบเท้าลงไปบนแผ่นยาง ทำให้แผ่นกระเบื้องยางแตก และพลเอกประยุทธ์ก็กล่าวว่า “คุณให้ผมเหยียบเองนะ สงสัยแผ่นนี้ไม่ดี แผ่นนี้มันเก่าแล้ว” จากนั้นชมบูธของรองเท้ายี่ห้อนันยางหรือช้างดาวโดยมีผู้บริหารนันยางยืนอธิบาย พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า รองเท้ารุ่นนี้ขายดีมาก แต่ขอให้ทำลวดลายที่เป็นนวัตกรรมหน่อย จากนั้นผู้บริหารนันยางได้แนะนำรองเท้าแตะสีเหลืองสำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน และมีประชาชนซื้อถวายพระจำนวน 350,000รูป ซึ่งพลเอกประยุทธ์ กล่าวติดตลกว่า “ก็ยังทะเลาะกันอยู่ ให้ใช้ให้หมด เพราะยังใช้รองเท้าไม่เหมือนกัน” และถัดมาพลเอกประยุทธ์ได้ชมบูธของยางรถไถนาซึ่งพลเอกประยุทธ์แนะนำให้จัดโปรโมชั่นให้กับคนไทยหน่อย ลดราคาลงมาหน่อย โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนาที่มีทะเบียนเกษตรกร

ส่วนบูธหมอนยางพารา นายกฯ กล่าวว่า “ผมเป็นโรคเจ็บคอนะ ผมซื้อหมอนพวกนี้มา 50 กว่าใบแล้วยังไม่หายเลย เดี๋ยวฉันจะซื้อไปอีกหมอนนี้ เพราะฉันซื้อไปห้าสิบกว่าใบแล้ว แต่ฉันก็หงุดหงิดทุกวัน เธอมีหมอนแก้หงุดหงิดไหม จากนั้นนายกฯได้ทดลองนั่งเก้าอี้ที่ทำจากยางพารา โดยกล่าวว่า “เก้าอี้ยางพาราต้องให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่คุมหัวหน้าส่วนราชการดู” และจากนายกฯได้ถามผู้ผลิตถึงราคาและคุณภาพของเก้าอี้ ซึ่งผู้ผลิตกล่าวว่า “เก้าอี้ตัวนี้ราคาประมาณ 5,000 บาท มีคุณภาพทนทาน” นายกฯ ตอบว่า “ทนแบบนี้ แต่ถ้านั่งแล้วตำแหน่งมันหลุดเร็วไหม เก้าอี้นี่จะช่วยและมีผลไหม” ซึ่งผู้ผลิตตอบกล่าวว่า “ก็ต้องพิจารณาตัวเองครับผม” นายกฯ ถึงกับหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เอ้อ ไอ้นี่มันพูดดี เพราะคนทำงานต้องทำงานดี ถ้าทำงานไม่ดี เก้าอี้ก็ไปด้วย” และนายกฯ กล่าวกับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยางว่า สเปกต่างๆ ในการออกแบบเราต้องใช้วัสดุในประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องประหยัดและทำเป็นแบรนด์ของเราเองให้ได้

55

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image