บิ๊กตู่ เอาจริง! ส.ว.สรรหาคุมประเทศ5ปี บอกที่ไหนก็ทำ จ่อเลือกพรรคคิดตรงยุทธศาสตร์ชาติ

“บิ๊กตู่” เห็นด้วยข้อเสนอ “บิ๊กป้อม” ให้ ส.ว.สรรหาดูช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี บอกต่างประเทศก็ทำกัน ย้ำไม่ได้มาจับผิดรัฐบาล แต่ให้ทำหน้าที่เปิดอภิปราย 2 สภาได้ คอยทวงถามงานและการปฏิรูป ระบุถ้าปล่อยเดิมจะเกิดปัญหาเหมือนเดิม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีแนวคิดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เสนอให้มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้มาจากการสรรหาทั้งหมดทำงานในช่วง 5 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านว่า ต้องไปดูต่างประเทศ ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้ มีหลายประเทศก็ทำ วันนี้เราต้องถามย้อนกลับว่าประเทศชาติของเรามีปัญหาหรือไม่ หรือสื่อคิดว่ามันไม่มีอะไรเลย ดีทุกอย่าง ดีเลิศประเสริฐศรี “ผมเคยพูดมาตั้งนานแล้วว่ามันมีปัญหาจึงต้องมาคิดว่าทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนผ่าน ถึงได้พูดตลอดว่ารัฐธรรมนูญก็ว่ากันไป บทเฉพาะกาลก็แยกออกมาว่าจะทำอย่างไร คำว่า 5 ปี นั้น ถ้าเขาอยู่ได้ 5 ปีจริง เขาก็ทำหน้าที่ของเขาในฐานะ ส.ว. ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาร่วมกับ ส.ส. ทั้ง 2 สภาฯ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่เป็นประเด็นปัญหา เขาก็แค่ขอเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาโดยอภิปราย ซึ่งไม่ใช่อภิปรายเรื่องการทุจริตเพียงอย่างเดียวก็ต้องมาพูดคุยด้วยว่าแผนปฏิรูปที่ทำมาทำไปแค่ไหนแล้วอย่างไร มีการชี้แจงมา ถ้ายังไม่ทำก็ต้องไปทำมา ซึ่งผมคิดว่าพล.อ.ประวิตรก็เข้าใจเช่นเดียวกับผม เพราะคิดเหมือนกันอยู่แล้ว เพียงแต่พล.อ.ประวิตรมีความคาดหวังว่า ไม่ต้องการให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิม ส.ว.และ ส.ส.ต่างก็เลือกเข้ามามีญาติพี่น้อง มีลูกเมีย มันก็ไปด้วยกันหมด ประเทศชาติมันก็แกว่ง มันไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปจับผิดรัฐบาล แต่เป็นการช่วยรัฐบาลในการประเมินผลงานของรัฐบาล หน้าที่ของ ส.ว.เป็นเช่นนี้ หน้าที่อีกอย่างคือการเปิดประชุม 2 สภาฯ เรื่องนีคิดว่ามันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ส.ว.หรือ ส.ส. หน้าที่แรกคือการดูเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใสในการทำงาน รวมทั้งการเดินยุทธศาสตร์ของประเทศ”

นายกฯ กล่าวว่า การเดินยุทธศาสตร์ประเทศนั้น มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในการทำนั้นก็เป็นเพียงการเขียนข้อหลักๆ ไว้ เหมือนการนำแผนของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นกรอบใหญ่ๆ มาบรรจุไว้ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงของประเทศ ยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี ซึ่งในทุก 5 ปี สภาพัฒนฯก็จะมาทำเพื่อเขียนแผนให้สอดคล้อง ซึ่งในเรื่องปฏิรูปตนเน้นย้ำว่าให้มีความสอดคล้องในระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐบาลไหน เราต้องเดินหน้าอย่างมีขั้นตอน ตนไม่ได้ไปล็อคอะไรตรงไหนเลย ถ้าทำตามนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแล้วก็ต้องไปพิจารณาในสภาอยู่ดี ไม่ใช่เปิดอภิปรายก็เอาแต่เรื่องทุจริตไม่เห็นทำอะไรได้สักอย่าง ก็ได้แต่เปิดอภิปรายแค่นั้น วันนี้เราต้องมาพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่จะเอา ส.ว.มาเพื่อจับผิด ส.ว.ไปทำหน้าที่แทนประชาชน สานต่องานที่เราทำไว้ ตนในฐานะผู้นำรัฐบาลและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องทำให้เกิดความเข้าใจ และตนต้องรับผิดชอบทั้งหมด และต้องทำความเข้าใจบ้างเป็นครั้งคราว

“วันนี้ถ้าเรามองยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างทั้งน้ำ อากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะเศรษฐกิจโลก เราก็ต้องกลับมาดูประเทศของเราว่าแผนยุทธศาสตร์มีความสอดคล้องกับโลกแค่ไหนอย่างไร เราต้องเอาหลักการของยูเอ็นมาปฏิบัติ โดยเฉพาะการพัฒนาในสหศวรรษหน้าตั้งแต่ปี 2559 อีก 15 ปีมีถึง 169 เป้าหมาย ตามกรอบของกลุ่มประเทศจี 77 โดยหยิบยกแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจเพื่อเป็นทางเลือกทางหนึ่งให้กับโลก ในฐานะที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรม ทุกฝ่ายจะต้องมีความเข้าใจและร่วมมือกันในการเดินหน้าและพัฒนาประเทศ ซึ่งตนเข้าใจเรื่องการเมืองและการดำเนินการทางการเมือง แม้ตนจะไม่ใช่นักการเมืองก็ตาม ก็ได้ศึกษามารู้ว่าเขาก็ต้องเดินของเขา ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แล้วเดิน 2 ขาไม่ได้หรือ ขาหนึ่งเพื่อประเทศชาติ อีกขาหนึ่งก็เพื่อพรรคของท่าน จะอยู่ในอำนาจเท่าไหร่ก็ว่ามา ตนไม่ได้ไปห้าม ทั้งนโยบายพรรคและนโยบายต่างๆ แต่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่านโยบายพรรคที่ทำนั้น ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนและเกิดประโยชน์กับใครบ้าง ต้องแยกแยะ จริงๆ ไม่อยากจะกล่าวอ้าง สมมติว่าจะมีการเน้นนโยบายเกี่ยวกับเรื่องจำนำข้าวแล้วคนที่ทำอาชีพอื่นจะได้อะไรจากนโยบายพรรคตรงนี้ นโยบายพรรคควรเดินไปตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อการปฏิรูปประเทศ ถ้าใครหาเสียงแบบนี้ผมจะเลือกเข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image