⦁…ครบรอบ “85” ปีแล้ว การเปลี่ยนแปลง “24 มิถุนายน 2475” ที่ “คณะราษฎร” ที่มีทั้ง “พลเรือน-ทหาร” เสี่ยงข้อหากบฏออกมาก่อการ ต้องการให้เกิดระบอบที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ “ราษฎรทั้งหลาย” แต่ “เจตนารมณ์” ของ “คณะราษฎร” ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด 85 ปี ด้วยการ “ปฏิวัติรัฐประหาร” เพราะเอาเข้าจริงๆ ชนชั้นนำ ได้แก่ ผู้มีอำนาจในระดับบน ได้แก่ ข้าราชการระดับสูง กลุ่มทุน และเครือข่าย ก็ไม่พร้อมที่จะให้ประชาชนเข้ามาเลือก “ตัวแทน” กำหนด “ผู้บริหารประเทศ”
⦁…2475 ไม่ใช่ “อุบัติเหตุ” ไม่ใช่การ “ชิงสุกก่อนห่าม” แต่มีปัจจัยของตัวเอง ก่อนหน้านั้น พ.ศ.2454 เกิดกบฏ ร.ศ.130 โดย “ทหารหนุ่ม” มาแล้ว โดนจับติดคุกกันระนาว ปัจจัยหนึ่งของความต้องการเปลี่ยนแปลง เกิดจากกระแส “ความรู้ใหม่ๆ” ที่ไหลบ่าเข้ามาพร้อมกับการปรับปรุงกองทัพ มี “ทหารหนุ่ม-ข้าราชการหนุ่ม”ไปเรียนต่างประเทศ รับเอาความคิดใหม่ๆ เกิดการเปรียบเทียบประเทศไทยขณะนั้น กับญี่ปุ่นและประเทศตะวันตกอื่นๆ
⦁…85 ปีผ่านไป การรัฐประหารที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง หลังจากกุมอำนาจ “ชั่วคราว” ทหารมัก “คืนอำนาจ” ให้เลือกตั้งกันใหม่ แต่ครั้งนี้ รัฐประหาร 2557 แตกต่างออกไป อย่างที่ “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล” ชี้ไว้ว่า รัฐบาล คสช.ไม่ได้วางตัวเป็นรัฐบาลชั่วคราว เข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วถอยออกไป แต่มีแนวคิดที่จะปรับโฉมประเทศตามแนวคิดของตนเอง โดยสร้าง “อำนาจนำใหม่” ผ่านนโยบายสำคัญต่างๆ และควบคุมการเมืองผ่านบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 และ “แผนยุทธศาสตร์ชาติ”
⦁…จึงเป็น “งานหนัก” ของรัฐบาล คสช. เพราะการพลิกโฉมประเทศ เป็น “ภารกิจใหญ่ยักษ์” ที่ต้องการ “ฐานสนับสนุน” จากหลายปัจจัย รวมถึง “การสนับสนุน” จากประชาชน ซึ่งจะเป็น “หลักประกัน” สำคัญ ในการ “ดีล” กับฝ่ายต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ “รัฐบาล คสช.” มีความเชื่อมั่นว่า ด้วยอำนาจพิเศษที่มีอยู่ จะสามารถทะลุทะลวงปัญหาต่างๆ ไปได้
⦁…งานหนักของรัฐบาล ไม่ใช่แค่ “สภาพแวดล้อมภายนอก” เท่านั้น แต่ “ภายใน” เอง “ระบบราชการ” ที่สนับสนุนอยู่ ก็มีวัฒนธรรม วิธีคิดอีกแบบหนึ่ง และกำหนดตัวเองไว้สูงกว่า “ประชาชน” ทำให้ “สื่อสาร” กันอย่างค่อนข้างลำบาก ตัวอย่างที่เห็นกันหยกๆ อย่าง “รถไฟไฮสปีดไทย-จีน” ที่ใช้ ม.44 สั่ง “รฟท.” ว่าจ้าง
“รัฐวิสาหกิจจีน” ก็ยังหาคนออกมาอธิบายอย่างเป็นระบบให้จบข้อสงสัยได้ยาก
⦁…เดือดร้อน “นายกฯตู่” ต้องออกมาแถลงเอง 17 ข้อ ยืนยันว่าไทยไม่เสียเปรียบ ต่อรองจนลดราคาลงมาแล้ว ไม่มีการยกที่ดินให้จีนหาประโยชน์ ถ้ามีทุจริตจะเอาผิดทันที ฯลฯ เรื่องนี้ ถ้าหวังให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้น คงต้องพูดกัน “หลายครั้ง” และ “หลายครั้ง” ประชาชนอยากให้มีระบบการขนส่งที่ทันสมัย ราคาไม่แพง เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่า จะให้ระบบนี้ “เกิดขึ้น” อย่างไร โดยประเทศได้ประโยชน์เต็มที่
⦁…ก็ต้องติดตามกันว่า “ข้อสังเกต” ของ “อ.เสกสรรค์” จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะทิศทางของรัฐบาล คสช.จะทำให้ “นักการเมือง” จากระบบเลือกตั้ง มีบทบาทอำนาจน้อยลง เจอแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีล่ามเอาไว้คงไปไม่เป็น ขณะที่พรรคการเมือง นักการเมืองบ้านเรา ไม่มีประวัติแข็งขืนกับขั้วอำนาจ มีแต่คล้อยตาม รอเล่นบท “พระรอง-ตัวประกอบ” ฉะนั้นจะหวังให้ไปยื้อทั้งระบบคง “ยาก”
กาแฟป่า