“นายกฯ” ยันภาครัฐไม่ปิดข้อมูลเขื่อนแตก-ไม่แตก ชี้ปริมาณน้ำฝนเยอะเกิน ส่งผลน้ำล้นเขื่อน ขออย่าโทษกันเองไปมา ซัดพวกไร้สาระ วอนปชช.เชื่อคำเตือนกรมอุตุ เตรียมฟื้นฟูเยียวยาตามหลักเกณฑ์เดิม
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือว่า การช่วยเหลือเยียวยามีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือเพราะเราเผชิญปัญหามาหลายครั้งแล้ว โดยการแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้เมื่อปีที่ผ่านมา ถือว่ามีมาตรการช่วยเหลือได้ดีมาก เพราะมีการกำหนดแผนงานและมาตรการค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์ ฉะนั้นน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในขั้นตอนการช่วยเหลือเบื้องต้น ส่วนการฟื้นฟูเยียวยากระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการให้ที่ประชุมครม.พิจารณาแล้ว ทั้งนี้เรื่องการฟื้นฟูต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลเข้ามาอีกครั้ง โดยเฉพาะการซ่อมแซมสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซ่อมแซมบ้านเรือน ซึ่งจะยึดมาตรการเดิมในการช่วยเหลือ และรัฐบาลจะต้องเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูโดยเร็ว ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างยิ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ตนอยากเตือนให้ประชาชนเชื่อคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนราชการและรัฐบาล ซึ่งพยายามเตือนมาตลอด หลายคนอาจจะมีความรู้สึกว่า 30 ปีที่ผ่านมาน้ำไม่เคยท่วมมาเลย จึงคิดว่าคงไม่เป็นไร เสร็จแล้วก็เกิดความเสียหาย จึงต้องมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของเอาไว้บ้าง อย่าให้ส่งผลกระทบ เพราะน้ำฝนกว่าจะไหลมารวมกันมันยังมีเวลาเตรียมการ หากเราไม่เตรียมความพร้อมเอาไว้ก็ลำบากที่จะรับมือกับสถานการณ์ได้ จะรอการช่วยเหลืออย่างเดียวก็ไม่ไหว ต้องช่วยตัวเองมาก่อนบ้าง ส่วนที่เหลือรัฐบาลจะเข้าไปเสริมให้ก็จะเบาแรงลง และความเสียหายก็จะลดลง แต่ตนไม่โทษประชาชน แต่ก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติเตือนมาตลอด เราไม่ได้ท่วมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เกิดน้ำท่วมมาหลายครั้งแล้ว แต่บางพื้นที่มันไม่เคยท่วม อย่างครั้งนี้ฝนที่ตกมีปริมาณหลายเท่า เพราะเกิดจากพายุไม่ใช่สถานการณ์ปกติที่จะมาโทษกันไปมา
“ขอให้เข้าใจว่าเหตุน้ำท่วมครั้งนี้มาจากภัยธรรมชาติ วันนี้หลายประเทศก็เผชิญเหตุน้ำท่วม ไฟป่า กันมาเยอะ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย แต่จะเสียหายมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนที่ตกลง ครั้งนี้ฝนตกกว่า 300 มิลลิเมตร เกินไม่รู้กี่เท่า ถือว่าตกหนักมากในรอบ 10 ปี ฉะนั้นการมาเถียงกันเรื่องเขื่อนแตกหรือไม่แตก มันไร้สาระ ไม่รู้จะเถียงกันทำไม ไม่ใช่เขื่อนแตกแล้วน้ำจะท่วม แต่มันเคลื่อนทั้งหมด รวมถึงเขื่อนด้วย เป็นน้ำที่ไหนมาจากเทือกเขาภูพาน ไหลมาจากทุกทิศทาง เขื่อนนี้สร้างมา 63 ปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหา มีความแข็งแรง หากเป็นสถานการณ์ปกติต้องรับปริมาณน้ำฝนได้แน่นอน และเขื่อนนี้ทำไว้รองรับน้ำประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่น้ำไหลเข้ามา 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ก็ต้องล้นเป็นธรรมดา เมื่อน้ำล้นก็ต้องเซาะเขื่อน ฉะนั้นอย่าไปเถียงกันว่าแตกหรือไม่แตก หรือใครต้องรับผิดชอบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเปรียบเทียบถึงการบริหารจัดการน้ำของปีนี้กับในช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2554 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นคนละประเด็นกัน ตนไม่อยากกล่าวก้าวล่วงกันไปมา เพราะตนอยู่ใน 2 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ อย่าไปย้อนของเก่า เอาอันใหม่ดีกว่า ต้องทำให้ดีที่สุด ตนไม่อยากไปฟังคนเก่าๆ พูดจา เดี่ยวก็โต้กันไปมา ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
เมื่อถามย้ำกรณีที่มีรายงานอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นแตก แต่มีการปกปิดข้อมูลมีเท็จจริงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปปกปิดข้อมูลอะไร เขาบอกให้ระวังทุกพื้นที่ เขื่อนนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะน้ำในระยะแรกล้นเกินสันเขื่อนมาแล้ว จะไปเบรกน้ำส่วนอื่นก็ไม่ได้ และเขื่อนนี้ตื้น ไม่ได้เตรียมการรับน้ำมากขนาดนี้ ต้องเอาหลักการแบบนี้มาคิด ซึ่งทางกรมอุตุฯได้มีการแจ้งเตือนถึงปริมาณฝนที่กำลังจะตกแล้ว ส่วนเขื่อนก็ต้องเตรียมมาตรการ หากรับไม่ไหวก็คือรับไม่ไหว ทุกเขื่อนถ้ารับไม่ไหวก็คือไม่ไหว แต่หากในช่วงสถานการณ์ปกติเขื่อนรับไหวหมด แต่ถ้ารับไม่ไหวเป็นเพราะสถานการณ์ภัยธรรมชาติมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่จ.สกลนคร เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมในวันที่ 2 สิงหาคม ว่า ตนจะไปให้กำลังใจ โดยได้เตรียมแผนไว้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมวันแรก แต่ก็ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงครม.ด้วย ตนไม่อยากให้เกิดภาระ เพราะเมื่อตนลงไปในพื้นที่ก็จะวุ่นไปหมด เจ้าหน้าที่ต้องมาชี้แจงบรรยายสรุป นำเรือมารับ ในขณะที่เขากำลังช่วยเหลือประชาชนอยู่ จึงไม่อยากให้ต้องมาดูแลตน แต่ตนได้บัญชาการมาโดยตลอดทุกวัน 24 ชั่วโมง มีอะไรก็รายงานขึ้นมา ซึ่งตนได้สั่งการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เร่งขับเคลื่อนแผนเผชิญเหตุที่วางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว รวมถึงการช่วยเหลือจากทหาร ถือว่าเร็วหรือไม่ เมื่อเร็วแล้วก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำอีก
“ดังนั้นก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้คราวหน้าด้วย หากปริมาณน้ำฝนมีจำนวนมากอีกจะทำอย่างไร ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ต้องไปดูป่าไม้บนเทือกเขาภูพานด้วยว่าถูกบุกรุกหรือไม่ นี่คือปัญหาที่ธรรมชาติกำลังเตือน ฉะนั้นเราอย่ามาตัดพ้อโทษกันไปมา มันไม่เกิดประโยชน์ เราต้องเตรียมความพร้อม เพราะสถานการณ์วันนี้อากาศเปลี่ยนแปลง ปกติพายุเข้ามาประเทศไทยก็จะวนออกไป แต่วันนี้วนกลับและไม่ออกไป เป็นเพราะความกดอากาศเปลี่ยน ประเทศจีน สปป.ลาว เขาก็ท่วม อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นขัดแย้งภายใน มันเสียเวลา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว