เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า นปช.เคารพคำพิพากษาของศาลที่ยกฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และพวกในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่หน้ารัฐสภาเมื่อปี 2551 ซึ่งศาลอธิบายข้อเท็จจริงได้อย่างชัดเจน ส่วนกรณีที่พันธมิตรจะไปร้องขอให้ ป.ป.ช.ได้อุทธรณ์ ก็ถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ตามช่องทางกฎหมาย ทั้งนี้ หลังแกนนำพันธมิตรที่นำโดยนายวีระ สมความคิด จะไปยื่น ป.ป.ช.ให้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวในวันที่ 7 สิงหาคมแล้ว แกนนำ นปช.ก็จะเดินทางไปสำนักงานงาน ป.ป.ช.เพื่อขอให้ ป.ป.ช.หยิบยกคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่เคยตีตกมาพิจารณาใหม่
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ นปช.ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลอันเป็นหลักฐาน พร้อมเทียบเคียงกรณีการสลายการชุมนุมในปี 2551 และ 2553 เพื่อยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. เนื่องจากยังติดใจในบทบาทการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการทำสำนวนคดี เพราะสำนวนคดีการสลายชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ที่มีนายสมชายเป็นจำเลยนั้น อัยการสูงสุดชี้ว่าไม่ควรฟ้อง ต่อมา ป.ป.ช.จีงได้ฟ้องเอง แต่คดีการสลายการชุมนุมของ นปช.ปี 2553 ป.ป.ช.กลับตีตก โดยไม่ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาล ส่งผลให้คดีต้องยุติลงตั้งแต่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช. ทั้งที่เป็นคดีที่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ต้องการให้คดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เป็นที่ยอมรับของสังคม ยืนยันว่าไม่มีเจตนาสร้างกระแสหรือสถานการณ์ เพราะคดีนี้มีปัญหาในกระบวนการก่อนถึงศาล ซึ่ง นปช.ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. เพราะมองว่าเป็นการวินิจฉัยคดีแบบเหมาเข่ง เช่นบอกว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลในขณะนั้นจึงบริสุทธิ์ ทั้งที่เป็นคดีที่มีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างมาก
“พวกผมถามหาความยุติธรรมในคดีนี้มา 7 ปี รู้อยู่เต็มอกว่าต้องตามหาต่อไป เราต้องการคำอธิบายชัดๆ เพราะประเด็นคือคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ควรจะแยกแยะเป็นกรณีไป เช่นกรณีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันว่าปฏิบัติตามหลักสากล แต่เหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ โดยทุกคนไม่มีอาวุธ บางรายแต่งกายด้วยสัญลักษณ์กาชาด จะถือว่าเป็นการปฏิบัติโดยชอบหรือไม่ การใช้ปืนจากลำกล้องยิงจากจุดสูง เป็นหลักสากลหรือไม่ ประกาศเขตกระสุนจริงถือเป็นหลักสากลหรือไม่” นายณัฐวุฒิกล่าว
