ศึกแข็งโป๊ก สาย “พี่หญ่าย” เขย่าสาย “ป๋า” ประวิตร VS พะจุณณ์

ในประเทศ, มติชนสุดสัปดาห์

กรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เข้ารับทราบข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ได้รับการจับตาว่าเป็นชนวนแตกหักภายในหุ้นส่วนอำนาจพิเศษ ที่อาจส่งผลต่อปฏิบัติการขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ ที่ยังไม่จบสิ้นหรือไม่ อย่างไร

ได้รับการจับตาไม่ใช่เพราะ พล.ร.อ.พะจุณณ์ เป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 (ตท.12) รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.

Advertisement

แต่เพราะ พล.ร.อ.พะจุณณ์ เคยเป็นหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และ 1 ในนายทหารคนสนิทของป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) 1 ในแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งได้รับแต่งตั้งเข้ามาทำงานโดย คสช. อีกด้วย

สําหรับเหตุการณ์นำมาสู่การออกหมายเรียก

Advertisement

จุดเริ่มมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบพบข้อความสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ กล่าวหาอดีตนายทหารยศ “พลเอก” พัวพันซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายตำรวจ

เมื่อตรวจสอบเชิงลึกพบว่า ยูสเซอร์ไลน์ดังกล่าวเป็นของ พล.ร.อ.พะจุณณ์ จึงประมวลเรื่องเสนอไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาสั่งการดำเนินคดี

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า

“องค์กรตำรวจมีศักดิ์ศรี จะมากล่าวหาลอยๆ ไม่ได้ ส่งกันไปส่งกันมาแบบนี้ไม่ได้ หากพบว่าเกี่ยวข้องผิดกฎหมายฐานหมิ่นประมาทก็ต้องดำเนินการ

หากออกหมายเรียกแล้วไม่มาพบ ก็ต้องออกหมายจับ”

ต่อมา พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. เปิดเผยว่าได้ออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 10 มีนาคม

ขั้นตอนต่อไปต้องรอผู้ถูกกล่าวหามาพบ ถ้าไม่มา หากมีเหตุผลเพียงพอก็จะนัดใหม่อีกครั้ง แต่หากออกหมายเรียกไป 2 ครั้งแล้วไม่มา ก็จะขอออกหมายจับ

ความร้อนแรงกรณีออกหมายจับบุคคลที่ใครต่อใครต่างก็รู้ดีว่าเป็น “สายป๋า” ครั้งนี้

ไม่ได้อยู่ตรงท่าทีขึงขังของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่อยู่ตรงสัญญาณจากบุคคลที่มีอำนาจอยู่เหนือขึ้นไป

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่หญ่าย” “แห่ง คสช. รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ผู้ดูแลกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“เป็นเรื่องที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องแจ้งความเอาผิด เพราะเป็นการกล่าวหามีการซื้อตำแหน่งตำรวจ ถือเป็นการทำลายองค์กรตำรวจให้เสียหาย

คุณยอมไหม หากมีใครมาทำลายชื่อเสียงองค์กรตัวเอง”

พล.อ.ประวิตร ยืนยันด้วยว่า ตราบใดตนเองยังอยู่ ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่ แต่อาจมีพวก”ตกเบ็ด”ว่าฝากคนนั้นคนนี้ได้ คนที่เชื่อก็ซวยไป

ความดุเดือดไม่หยุดอยู่แค่นั้น พล.อ.ประวิตร ยังท้าให้คนที่ออกมาเปิดประเด็นเรื่องนี้ นำหลักฐานมาแสดงให้ชัด อย่าเพียงแต่กล่าวหาลอยๆ เพราะทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย

“คนที่พูดลอยๆ ไปออกทางไลน์ ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ไปพูดลอยๆ ไม่ได้ เพราะองค์กรตำรวจจะเสียหมด องค์กรเขามีตั้ง 2 แสนกว่าคน ไปดูถูกเขาเพราะคำพูดเดียว ไปพูดอย่างนี้เขาเสียหาย ต้องระวังคำพูด”

สัญญาณจุดแตกหักในกลุ่ม “คนกันเอง” ใกล้มาถึงแล้วหรือไม่

ด้าน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ให้สัมภาษณ์ชี้แจงที่มาที่ไปของเรื่องผ่านสื่อหลายสำนัก หลังจากรู้ข่าวถูกออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา

แม้ทางหนึ่งจะแสดงออกถึงความไม่ยี่หระ “เรื่องนี้กระจอกมากสำหรับผม”

แต่ทางหนึ่งก็ปฏิเสธแข็งขัน ว่าตนเองไม่ใช่ต้นทางข้อความที่ปรากฏในแอพพลิเคชั่นไลน์ กล่าวหานายทหารนอกราชการยศพลเอก” เกี่ยวข้องการซื้อขายเก้าอี้โยกย้ายนายตำรวจ

ส่วนต้นตอมาจากไหน ไม่ทราบ เนื่องจากเป็นการส่งต่อๆ กันในไลน์กลุ่มเพื่อน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 500 คน แล้วก็ไม่รู้ว่าพลเอกที่ถูกพาดพิงหมายถึงใคร

สำหรับตนเอง เมื่อได้รับข้อความมาก็ส่งต่อไปยังบุคคล 2 กลุ่มคือ คณะอนุกรรมการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจที่ตนเองเป็นประธานอยู่ และเพื่อน ตท.12

จุดประสงค์ให้ช่วยหาข้อมูล เพราะในฐานะประธานอนุกรรมการ อยากรู้ว่าการซื้อขายตำแหน่งดังกล่าวจริงหรือไม่ เพื่อนำไปเรียนต่อนายกรัฐมนตรี

“ไม่ได้มีเจตนาแฉพฤติกรรมของพลเอกอะไรนั่น”

พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป แสดงความพร้อมเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกวันที่ 10 มีนาคม เพราะอยากให้เรื่องจบเร็วที่สุด

ก็ไปขึ้นศาลกัน ผมอยากมีประสบการณ์ในชีวิตบ้าง ผมอายเพื่อนพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมา เขามีชีวิตยากลำบาก มีคดีต่างๆ ทั้งปิดสนามบิน แต่ผมได้มาเป็น สปท. ผมสงสารเพื่อนที่สู้กับทักษิณ แต่กลับไปมือเปล่า ยากจน ผมอาจจะโดนอะไรบ้าง นี่คือเมืองไทย ความจริงถ้าผมเป็นรัฐบาล ผมจะดีใจมากที่มีคนมาให้ข้อมูล จะสอบสวนทั้งหมดว่าใครรับเงิน ไม่ใช่เอาผิดคนให้ข้อมูล”

อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษยืนยันด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนเองไม่จำเป็นต้องไปเคลียร์กับใคร

“ถ้าเป็นคนที่ตำรวจบอก ผมไม่เคลียร์ เขาเป็นรุ่นพี่ผม ผมเคยทำงานให้เขาตั้งหลายเรื่อง น้องชายผมเป็นนายทหารก็เคยทำงานสำคัญๆ รับใช้เขา”

และย้ำว่า “ผมอยากให้เรื่องนี้จบเร็วที่สุด เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ผมและพวกผม พวกที่ปฏิวัติกันมา ต่อสู้กับระบอบทักษิณ ไม่ใช่มาต่อสู้กันเอง”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเริ่มมีความขัดแย้งไม่ลงรอยกันในกองทัพและรัฐบาล

อดีตนายทหารคนสนิท “ป๋าเปรม” ตอบอย่างมีเงื่อนงำว่า เรื่องนี้ว่ากันอีกเรื่อง ก็ให้ไปถามประชาชน สิ่งที่เขารู้เขาคิดกัน ขอตอบว่า “ทีใครทีมัน” ไม่ต้องห่วง รอให้ตำรวจแจ้งความ

กรณีสั่งการออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ คือการเปิดแนวรบใหม่ ภายใต้ภาพรวมสงครามที่ใหญ่กว่า

เช่นเดียวกับอีกหลายเรื่อง ที่แตกแขนงออกมาจากแกนกลางเดียว ถูกจับมาโยงเข้าหากันอย่างซับซ้อน

ไม่ว่าการโยกย้ายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่กำลังจะมาถึง ตำแหน่งมีน้อย แต่หุ้นส่วนอำนาจที่รอปันผลมีมาก ต้องรีบบริหารจัดการเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

การชิงจังหวะออกคำสั่งตามมาตรา 44 ยุบแท่งพนักงานสอบสวนไปรวมกับแท่งอื่นๆ เพื่อสกัดแผนปฏิรูปโครงสร้างตำรวจของ สปท. บางกลุ่ม ที่ต้องการโยกกลุ่มงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งยังโยงไปถึงปัญหาคาใจในอดีต เมื่อครั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี “สายป๋า” เป็น ผบ.ทบ. เคยย้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ในตอนนั้น เข้ากรุประจำ ทบ.

ไกลไปอีกขั้นกับการวิเคราะห์กรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาแถลงส่งสารถึงทหารรุ่นน้อง ให้รีบเสียสละอำนาจจากการรัฐประหารโดยเร็ว และจัดการเลือกตั้งทันทีภายในปี 2559

อาจไม่เกี่ยวกับการรับไม้ต่อจาก นายทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการรับไม้ต่อจากกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มอำมาตย์เก่า เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ชวลิตนั้นในอดีตเป็น” “ลูกรัก” “ของใคร

ไม่นับรวมประเด็นสายพี่ใหญ่ คสช. ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เช่น กรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์ ภายใต้การดำเนินงานของกองทัพบก ยุคของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร

โครงการขุดลอกแหล่งน้ำขององค์การทหารผ่านศึก ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ที่มี พล.อ.ประวิตร นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ พล.อ.อุดมเดช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ

ล่าสุด กรณีซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายตำรวจ

ทั้งหมดสะท้อนสถานการณ์” “ศึกใน” ดำเนินไปในลักษณะโรมรันพันตู

ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ

ผลสุดท้ายออกมาอย่างไร

จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง ตามคำทำนายโหรในช่วงดาวมฤตยูย้ายราศีหรือไม่

เป็นสถานการณ์ชวนติดตามอย่างยิ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image