ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับโอกาสที่จะถูกอิมพีชเมนต์ : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ผู้ที่มาพร้อมนโยบาย “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง-Make American Great Again” หลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำของสหรัฐอเมริกาได้กว่าครึ่งปีแล้ว ปรากฏว่าการสำรวจจาก The Rasmussen Reports พบว่าคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ตกต่ำสุดเหลือเพียง 39% เท่านั้น จัดว่าต่ำที่สุดในบรรดาประธานาธิบดีในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจโพลมาตลอด 70 ปีเลยทีเดียว โดยเมื่อเทียบกับวันที่เริ่มทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่เขาได้คะแนนนิยมจากประชาชน 57% โดยคะแนนนิยมที่ตกต่ำลงของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นมีสาเหตุมาจากหลักฐานเชิงประจักษ์โดยผลงานของทรัมป์ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยแม้แต่อย่างเดียวแต่กลับสร้างข่าวความวุ่นวายในทำเนียบขาวแทน ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่ารัสเซียแอบช่วยเหลือในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา การไล่เจ้าหน้าที่ออกจากทำเนียบขาวแทบทุกเดือน ส่วนความพยายามล้มล้างโอบามาแคร์ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของอดีตประธานาธิบดีโอบามาก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ทรัมป์เองดูจะแก้ไขไม่ได้เรื่องเลยแม้แต่อย่างเดียว

ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือการที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามแก้ปัญหาเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับรัสเซียเข้าแทรกแซงกระบวนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์มีท่าทีเป็นมิตรกับรัสเซียเป็นอย่างมากอันเป็นท่าทีตรงข้ามกับนโยบายของรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโอบามา โดยเรื่องนี้ถูกขุดคุ้ยเปิดโปงว่าเป็นเพราะรัสเซียนั้นช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ด้วยการแฮกอีเมล์ของพรรคเดโมแครตและนำข้อมูลภายในของเดโมแครตไปโจมตี นางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรัมป์นั่นเอง ปัญหาเรื่องรัสเซียนี้เริ่มจากนายไมเคิล ฟลีนน์ ที่ปรึกษาความมั่นคงของทรัมป์ ต้องยื่นใบลาออกในเวลาไม่ถึง 1 เดือน หลังจากทรัมป์ทำพิธีสาบานตนขึ้นเป็นประธานาธิบดี

เนื่องจากมีหลักฐานยืนยันว่านายฟลีนน์ไปให้สัญญากับทูตรัสเซียว่า สหรัฐจะยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียทั้งที่ไม่มีอำนาจเพราะในขณะนั้นทรัมป์ยังไม่ได้ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ความอื้อฉาวเรื่องรัสเซียนี้เป็นปัญหาที่ทรัมป์พยายามแก้ไขอย่างสุดฤทธิ์แต่ก็เหมือนกับ “ลิงแก้แห” โดยที่ทรัมป์สั่งปลดนายเจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) อย่างกะทันหันโดยอ้างว่านายเจมส์ โคมีย์ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพกรณีฮิลลารี คลินตัน ใช้อีเมล์อย่างไม่เหมาะสมขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแต่ได้มีข้อมูลล่าสุดเปิดเผยออกมาว่า

Advertisement

ทรัมป์ได้ให้ข้อมูลซึ่งจัดอยู่ในชั้น “ความลับสูงสุด” เกี่ยวกลุ่มก่อการร้ายไอเอสให้กับรัสเซีย และนายโคมีย์ยังเปิดเผยบันทึกของเขาเองตอนถูกประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเข้าพบว่าทรัมป์ได้ขอให้เขายุติการสอบสวน นายไมเคิล ฟลีนน์ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย เพราะไหนๆ นายไมเคิล ฟลีนน์ ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว แต่นายเจมส์ โคมีย์ ปฏิเสธจึงถูกปลดจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ

ระเบิดลูกใหญ่ที่เพิ่งระเบิดขึ้นเร็วๆ นี้คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ลูกชายประธานาธิบดีทรัมป์ได้สารภาพต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐว่ามีการพบปะระหว่างนายทรัมป์ จูเนียร์ และนางนาตาเลีย เวเซลนิตสกายา ทนายความชาวรัสเซียที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ของปีที่แล้ว เพื่อขอข้อมูลลับเกี่ยวกับนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้ตัวนางคลินตันเพื่อประโยชน์ในการรณรงค์ชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีหลังนายทรัมป์ผู้บิดาเพิ่งได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการจากพรรครีพับลิกันให้เป็นตัวแทนลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เพียง 2 สัปดาห์ มิหนำซ้ำหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ยังมีหลักฐานยืนยันด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้แนะนำให้ลูกชายของเขาเองโกหกต่อคณะกรรมาธิการอีกด้วย

ครับ! โอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะถูกอิมพีชเมนต์จึงเป็นไปได้สูงมากซึ่งเราควรจะเข้าใจจริงๆ ว่า
อิมพีชเมนต์คืออะไร? และการดำเนินการของอิมพีชเมนต์เป็นอย่างไร?

Advertisement

ความจริงอิมพีชเมนต์คือการฟ้องร้องของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่กล่าวหาว่าประธานาธิบดีได้กระทำความผิดอย่างร้ายแรงขั้นการกบฏ, ติดสินบน, อาชญากรรมร้ายแรง หรือความผิดทางอาญาอื่นๆ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นอัยการสั่งฟ้อง ส่วนประธานาธิบดีก็ต้องหาทนายมาแก้ต่าง โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐต้องลงคะแนนเสียงข้างมากว่าจะฟ้องร้องกล่าวโทษประธานาธิบดี เมื่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติที่จะฟ้องร้องกล่าวโทษว่าประธานาธิบดีมีความผิดแล้วจึงส่งเรื่องไปยังวุฒิสภาสหรัฐ โดยสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ จะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับคณะลูกขุนและมีประธานศาลฎีกาสหรัฐเป็นประธานในการพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง หากสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐลงคะแนนเสียง 2 ใน 3 ว่าประธานาธิบดีทำผิดจริง ก็จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งโดยทันทีโดยไม่มีการอุทธรณ์

ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาไม่ปรากฏเคยมีประธานาธิบดีสหรัฐคนใดถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งมาก่อน ถึงแม้ว่าจะมีประธานาธิบดี 2 ท่านที่ถูกฟ้องร้องกล่าวโทษจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (อิมพีชเมนต์) แต่พ้นผิดในขั้นตอนการตัดสินที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี คือ อดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ใน พ.ศ.2411 (ปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์) และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ใน พ.ศ.2541 ด้านอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน นั้นชิงลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเสียก่อนใน พ.ศ.2517 เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกอิมพีชเมนต์ จากกรณีอื้อฉาวคดีวอเตอร์เกต

แต่เนื่องจากพรรครีพับริกันที่ประธานาธิบดีทรัมป์สังกัดอยู่นั้นครองคะแนนเสียงข้างมากในรัฐสภาสหรัฐทั้ง 2 สภาอยู่ในขณะนี้จึงทำให้การดำเนินการอิมพีชเมนต์ประธานาธิบดีทรัมป์คงสำเร็จได้ยากจึงต้องคอยการเลือกตั้งรัฐสภาสหรัฐในปี พ.ศ.2562 โดยคาดว่าพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอาจได้รับชัยชนะมีคะแนนเสียงข้างมาก ทั้ง 2 สภาเสียก่อนการดำเนินการอิมพีชเมนต์ประธานาธิบดีทรัมป์ก็น่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image