นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล เมื่อ 10 มีนาคมว่า สำนักงานอัยการคดีพิเศษถ่วงเวลาไม่สั่งฟ้องแกนนำ กปปส.อีก 54 คน ที่ถูกข้อหาร้ายแรงเช่นเดียวกับแกนนำ กปปส. 4 คน ที่สั่งฟ้องไปแล้ว และการปฏิบัติของอัยการสูงสุดเหมือนใช้กฎหมายคนละฉบับกับคนเสื้อแดง
นายจตุพร กล่าวว่า แกนนำ กปปส.ทั้ง 58 คน ถูกดำเนินคดีใน 9 ข้อหา โดยใน 2 ข้อหา คือ เป็นกบฏและก่อการร้ายมีโทษถึงประหารชีวิต คดีทั้งหมดนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้สอบสวนทำสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดแผนกคดีพิเศษชุดแรกแล้ว 4 ราย ซึ่งอัยการสั่งฟ้องต่อศาลอาญา จึงเหลือผู้ต้องหาอีก 54 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 31 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีพุทธะอิสระร่วมอยู่ด้วย ดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติการใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดมีคณะรับผิดชอบคดีแกนนำ กปปส. ทั้งหมด 3 ชุด โดยชุดแรกได้สั่งฟ้องแกนนำ กปปส.ไปแล้ว 4 ราย ส่วนชุดที่สองไม่ได้สั่งฟ้องที่เหลือ และมาถึงชุดปัจจุบันยังไม่ได้สั่งฟ้องคดีไปยังศาลอาญาเลย ดังนั้น อัยการสูงสุดต้องปฏิบัติโดยเท่าเทียมกันกับการดำเนินของพวกตนด้วย หากอัยการถ่วงเวลาการฟ้องไว้ย่อมสะท้อนว่า มีการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกันทางกฎหมาย
“สำนักงานอัยการเมื่อตัดสินใจฟ้อง 4 ราย แล้วอีก 54 ราย ซึ่ง 31 ราย ที่ดีเอสไอส่งตัวมาให้แล้ว ซึ่งคนเหล่านี้จะไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ทั้งที่เป็นคดีร้ายแรง แต่พวกผมทำอะไรก็ถูกขู่จะถอนประกันตัว แล้วพวกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พุทธะอิสระ เป็นใครมาจากไหน ใหญ่มาจากไหน หรือใช้กฎหมายคนละฉบับกับพวกผม ถ้าคนเหล่านั้นต้องคดีเดียวกันและได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน คดีก่อการร้ายเหมือนกันก็ไม่ยอมส่งฟ้องศาลในที่เหลือ คุณมีเหตุอะไร ผมไม่ต้องการให้ใครมาเข้าข้างอะไร เพียงในการปฏิบัติต่อกันนั้นควรเสมอภาคกัน”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่มีหน้าที่ให้ใครถูกดำเนินคดี แต่เมื่อมีมาตรฐานการดำเนินคดีพวกตนไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งเนื้อหาสาระที่ 4 ราย ถูกฟ้องก็เหมือนกันด้วย แต่ทำไมอีก 54 ราย จึงไม่ฟ้อง ตนและพวกจะติดตามคดีเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่อพุทธะอิสระไปยื่นถอนประกัน จึงอาศัยสิทธิ์พลเมืองเช่นเดียวกันว่า เมื่อกฎหมายไทยใช้กับคนไทยทุกคน แต่คนกลุ่มนี้กลับถ่วงเวลาในการสั่งฟ้องดำเนินคดี
สิ่งสำคัญแล้ว เมื่อปฏิบัติต่อพวกตนอย่างไร ก็ควรปฏิบัติต่อพวกอื่นอย่างนั้น ตนเคยให้สังคมเกิดการปรองดองขึ้น โดยให้ปลดปล่อยประชาชนยกเว้นแกนนำที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่แกนนำ กปปส.กลับเริงร่ากันอยู่
นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา พวกตนพยายามประคับประคองสถานการณ์บ้านเมือง เพื่อให้ประเทศเดินไปในทางที่ถูกต้อง คนเสื้อแดงต้องการความเสมอภาคเท่าคนอื่น ไม่ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์ แต่บ้านเมืองขณะนี้ ต้องทำให้เกิดทัศนคติที่ทุกฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหาชาติ ไม่ใช่ประชาชนปรับเข้าหาทหาร ซึ่งทำมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ประชาชนยังไม่ได้มีความสุขเลย รวมทั้งการอ้างถึงการปราบทุจริตที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่เคยเอาจริงกัน
