ประกาศแล้ว! ม.44 ไฟเขียว สปสช.ซื้อยาพิเศษได้ถึงสิ้นปีงบ 60

ภาพกราฟิกลิขสิทธิ์

วันนี้ (๑๓ ก.ย.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๑/๒๕๖๐ เรื่อง การบริหารจัดการยา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบุว่า ตามโครงการพิเศษของสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยที่การบริหารจัดการยา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษ ของสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมา สามารถทําให้ผู้ป่วยกลุ่มต่าง ๆ เข้าถึงบริการ ทางการแพทย์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่จําเป็นต้องใช้ยาราคาแพงหรือต้องใช้ยาต้านพิษ ผู้ป่วยโรคไต อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการระบบดูแลผู้ป่วยและช่วยประหยัดงบประมาณทางการแพทย์

แต่เนื่องจากการดําเนินการดังกล่าวมีเหตุขัดข้องบางประการเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งการจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการจัดหายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษที่ได้เคยดําเนินการมาแล้ว เนื่องจากได้รับการทักท้วงจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งจะทําให้การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษดังกล่าวไม่อาจทําได้อย่างทั่วถึงเช่นเคย ส่งผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุขในภาพรวมของประเทศ ซึ่งแม้ในปัจจุบันจะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาโดยเสนอให้มีการมอบอํานาจจากหน่วยบริการ และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยบริการ เพื่อให้การจัดหาและบริหารจัดการงบประมาณในการจัดหายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ แต่จากการที่ได้มีการดําเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานแล้วการที่จะเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการในระยะเวลาที่เหลือในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ย่อมไม่อาจดําเนินการได้จึงจําเป็นต้องกําหนดมาตรการในการบริหารจัดการขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการจัดหายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโครงการพิเศษดังกล่าวข้างต้น เพื่อมิให้งานบริการ สาธารณสุขต้องหยุดชะงักหรือล่าช้าออกไปจนส่งผลกระทบต่อการให้บริการด้านสุขภาพของประชาชน

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมอบหมายให้สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดําเนินการจัดหายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนให้แก่หน่วยบริการ และเพื่อเป็นหลักประกันว่าหน่วยบริการจะมียา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียมหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นและเพียงพอไว้ให้บริการประชาชนการจัดหาตามวรรคหนึ่ง ให้ดําเนินการโดยใช้วิธีการซื้อ การซื้อเชื่อ หรือการยืม เฉพาะเท่าที่จําเป็น ตามโครงการพิเศษจากองค์การเภสัชกรรม ตามที่ได้เคยดําเนินการมาแล้ว จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐

Advertisement

ข้อ ๒ ให้องค์การเภสัชกรรมที่ขายหรือให้ยืมยา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ตามข้อ ๑ มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามสัญญาหรือข้อตกลงหรือหนังสือยืมที่จัดทําไว้กับสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ข้อ ๓ ให้การจัดหาโดยการซื้อ การซื้อเชื่อ การยืม การตรวจรับ การควบคุม และการจําหน่ายยาเวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เฉพาะที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ ที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือองค์กรอื่นที่ได้รับมอบหมายจากสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ดําเนินการไปก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ รวมทั้งการจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นค่ายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกําหนด ซึ่งได้ดําเนินการไปแล้วโดยเปิดเผยและสุจริตถือเป็นการปฏิบัติตามอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเป็นค่าใช้จ่ายของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามคําสั่งนี้ด้วย

ข้อ ๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแก้ไขกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อแก้ไขปัญหาในการจัดหายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างเป็นระบบในระยะยาวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งจัดให้คณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยบริการพิจารณากําหนดแนวทางการจัดหายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตลอดจนกําหนดมาตรการมิให้นําเงินที่ได้รับจากการจัดหาไปใช้ในการอื่นนอกจากการจัดหาตามข้อ ๑ เพื่อให้การดําเนินการเป็นไปอย่างคุ้มค่า เหมาะสม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ

ข้อ ๕ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ แก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ ๖ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแตว่ ันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image