‘กิตติรัตน์’ แฉ! ยิ่งลักษณ์ถูกโยนบาป มั่วนิ่มเอาตัวเลขเสียหายจากรบ.ก่อนมารวมเฉย

“กิตติรัตน์” โต้ตัวเลขปิดบัญชีข้าว ยันความเสียหายที่เพิ่มขึ้นเป็นความตั้งใจสร้างมูลหนี้ ของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี หวังโยนบาป ให้แพะในคดีรับจำนำ ย้ำ “ปลัดคลัง” อย่ามั่วเอาตัวเลขตั้งแต่ปี 47-53 มารวม เพราะรัฐบาลฯยิ่งลักษณ์จัดงบคืนหนี้คงค้างหมดสิ้นแล้ว

วันนี้ (11 มีนาคม) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวปี 2558 ว่ามีการขาดทุนเพิ่มจากปี 2557 เกือบแสนล้านบาทว่า อยากตั้งข้อสังเกตใน 2 ประการ คือ
1. การรายงานตัวเลขความเสียหายยังคงเป็นรายงานตัวเลขทางบัญชี โดยนำตัวเลขที่เกิดขึ้นจากของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลก่อนๆ ตั้งแต่ปี 2547 มารวมไว้ด้วยกัน ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลก่อนๆ เกือบทั้งหมดไม่มีข้าวในสต๊อกคงเหลือและไม่มีหนี้คงค้าง โดยโครงการเหล่านั้น รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากไปคืนหนี้ย้อนหลังอย่างต่อเนื่องจนหนี้คงค้างหมดสิ้น จึงมีข้อสังเกตว่าทำไมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีข้าวจึงนำตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการเก่าของรัฐบาลก่อนหน้านั้นมารวมไว้ในบัญชีความเสียของโครงการที่เป็นคดีความอยู่ในขณะนี้ อาจทำให้เข้าใจได้ว่าคณะอนุกรรมการปิดบัญชีข้าว ต้องการให้ตัวเลขความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ดูสูงกว่าปกติเพื่อปรักปรำและสร้างความเสื่อมเสียให้กับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ในปี 2554-2557 ซึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ทั้งยังทำให้คนติดตามข่าวตกใจกับตัวเลขทางบัญชีที่ทบเข้ามาอีกนับแสนล้านบาท หากจงใจจะให้เป็นเช่นนั้นก็ควรจะชี้แจงให้ประชาชนทราบด้วยว่าความเสียหายที่เกิดจากโครงการก่อนนี้รัฐบาลอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ได้ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปหมดแล้ว

2. นอกจากนี้ตัวเลขทางบัญชีที่นำมาแถลงว่าขาดทุนมีข้อสมมุติสำคัญคือ การประเมินราคาสินค้าคงคลัง ที่ขึ้นอยู่ความสามารถในการขายให้ได้ราคาที่ดีหรือไม่ดี และข้อสมมุติในเรื่องการเสื่อมสภาพของข้าวที่กำหนดกันขึ้นมาเอง ซึ่งก็ควรระบุให้สื่อมวลชนได้ทราบข้อสมมุติด้านราคา และการเสื่อมสภาพข้าวให้ชัดเจน สาธารณชนจะได้ไม่คลางแคลงใจ เพราะที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่มีการดำเนินการขายที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เหมาะสมจนข้าวที่ขายได้ราคาถูกทั้งๆ ที่หลายฝ่ายมาทักท้วง รวมทั้งการไม่เอาจริงเอาจังกับการเร่งขายข้าวและมีการขายแบบราคาถูกและล่าช้า ทั้งๆ ที่กระทรวงพาณิชย์เคยประกาศยุทธศาสตร์การระบายข้าวเอาไว้หลังการรัฐประหารใหม่ๆ ซึ่งหากเร่งดำเนินการตามที่ประกาศไว้จริงก็จะสามารถระบายข้าวในสต๊อกได้เกือบทั้งหมด และนำเงินไปลดเงินหมุนเวียนที่กู้มาดำเนินการจนเหลือน้อยทั้งต้นทั้งดอก ตั้งข้อสมมุติการเสื่อมสภาพกันตามอำเภอใจ ค่าใช้จ่ายทางบัญชีจึงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเหมือนกับเป็นการจงใจที่จะให้ตัวเลขความเสียหายเพิ่มขึ้น

นายกิตติรัตน์ กล่าวปิดท้ายว่า ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะหวังดีกับ ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ไม่อยากเห็นดร.สมชัยถูกใครมองว่ากำลังตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดทั้งสิ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image