เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาปลัดกระทรวงการคลังได้แถลงตัวเลขปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดก่อนๆในรอบปิดบัญชี 30 กันยายน 58 ว่าอาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ไม่รู้ทำเพื่อความโปร่งใสหรือโยนบาปให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างว่าเป็นเพราะต้องเสียค่าดอกเบี้ยและค่าเช่าโกดังเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพราะการขายข้าวที่มีราคาลดลงและข้าวเสื่อมคุณภาพมากขึ้น ถ้าฟังดูเผินๆ ก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้มีเจตนาดีคือต้องการแสดงความโปร่งใสและเอาจริงเอาจังในการติดตามดูแลฐานะทางเศรษฐกิจการคลังของประเทศ แต่ถ้าดูรายละเอียดอย่างพินิจพิเคราะห์ก็ชวนให้คิดได้ว่ามีเจตนาแอบแฝงคือต้องการโยนบาปให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ใช่หรือไม่ 1. สาเหตุที่อ้างว่ามีตัวเลขขาดทุนเพิ่มเพราะต้องเสียค่าดอกเบี้ยและค่าเช่าโกดังเพิ่มขึ้นนั้น เป็นเพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ไม่เร่งระบายข้าวใช่หรือไม่
นายยรรยง ระบุอีกว่า 2.สาเหตุที่ขายข้าวราคาลดลงเป็นเพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันพยายามไปตรวจสอบและจัดเกรดข้าวแบบใหม่ เป็นเกรดเอ เกรดบี เกรดซี 1 เกรดซี2 และเกรดซี 3 ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ใช่หรือไม่ นอกจากนี้ในการตรวจสอบ รัฐบาลยังส่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญไปสุ่มตรวจโดยเก็บตัวอย่างจำนวนเพียงเล็กน้อย เพียง 11,962 ตัวอย่างจาก 180,000,000 กระสอบ แล้วนำมาจัดเกรดแบบใหม่ จึงทำให้ดูเหมือนว่ามีข้าวคุณภาพตํ่า 3. สาเหตุที่มีการหักค่าเสื่อมเพิ่มมากขึ้นเป็นเพราะช่วงแรกหลังรัฐประหารมีการปิดโกดังเพื่อตรวจสอบ จึงไม่ได้รมยา จึงทำให้ข้าวเสื่อมเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ฉะนั้นขอเตือนรัฐบาลให้เร่งระบายข้าวในสต็อกโดยเร็วที่สุดโดยเฉพาะข้าวสารเจ้า 5% ที่ราคาดีในช่วงนี้เพราะตลาดกำลังต้องการและชาวนาผลิตได้น้อยและขายไปหมดแล้ว ถ้าเอาข้าวมาเล่นการเมืองเพื่อโยนความผิดให้รัฐบาลชุดก่อน ระวังจะขว้างงูไม่พ้นคอตัวเอง
