“นายกฯ”พร้อมฟังกลุ่มเห็นต่าง กรณี”อีไอเอ”แต่ต้องเดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์ กระตุ้นศก.

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการหรือกลุ่มเอ็นจีโอออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 9/2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีออกมา เพื่อละเลยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือนำเรื่องสุขภาพอนามัยประชาชนไปเป็นตัวประกันในการดำเนินโครงการใด ๆ ของภาครัฐ ตามที่มีการกล่าวอ้างกัน แต่ คสช.และรัฐบาลมีเจตนาที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น ผ่านโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน

“ในช่วงต้นปี 59 รัฐบาลจะมุ่งผลสำเร็จของมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล ส่วนกลางปีถึงปลายปี จะเน้นการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ ด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างการลงทุน และเกิดการจ้างงาน ซึ่งนายกฯ และรัฐบาลยินดีรับฟังข้อห่วงใยของกลุ่มองค์กรทั้งหลาย แต่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน โดยยืนยันว่าจะไม่ให้การทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) หรือ การเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (EHIA) เป็นเพียงแค่พิธีกรรม หากในที่สุดผลการประเมินไม่ผ่าน ก็จะไม่ดำเนินการต่ออย่างแน่นอน ขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ก็ต้องเข้าใจภาระหน้าที่ของรัฐบาลด้วย” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าในอนาคตอาจเกิดผลกระทบต่อผู้ร่วมลงทุนบ้าง หากผลการประเมินไม่ผ่าน แต่ยืนยันว่าจะไม่เกิดความเสียหาย เพราะยังไม่มีการผูกพันสัญญาใด ๆ รัฐบาลจึงขอวิงวอนให้กลุ่มองค์กรทั้งหลาย ได้เข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริง และเปิดใจรับฟังมุมมองด้านอื่นควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท. )กำลังเดินหน้าปฏิรูปกระบวนการอีไอเอ และอีเอชไอเอ ให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อวางรากฐานการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image