กอ.รมน. ชี้แจงภาพรวมของสถานการณ์ในพื้นที่ จชต. ยังอยู่ในความควบคุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ สำหรับการบุกยึดสถานพยาบาลเป็นที่มั่นในการก่อเหตุและควบคุมบุคลากรในสถานพยาบาล ถือเป็นการไม่เคารพหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน
วันนี้ (14 มีนาคม) พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ตามที่สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง (ผกร.) ได้ก่อเหตุหลายครั้งในพื้นที่ จชต. ห้วงวันที่ 13 มี.ค. ต่อเนื่องถึงวันที่ 14 มี.ค. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. ได้แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และกำชับให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ดูแลสถานการณ์และควบคุมพื้นที่ไว้ให้ได้ พร้อมกับรวบรวมหลักฐานเร่งติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
กอ.รมน. ขอเรียนชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบว่า ภาพรวมของสถานการณ์ในพื้นที่ จชต.ยังอยู่ในความควบคุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยการปฏิบัติงานได้มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรก ทุกหน่วยยังคงให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยครอบคลุมทุกพื้นที่ ตามแผนเผชิญเหตุที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมืองและตามเส้นทาง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถเดินทางในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย
ในครั้งนี้อาจนับได้ว่า เป็นเจตนาการก่อเหตุพร้อมกันหลายจุดภายหลังจากว่างเว้นการเกิดเหตุในทำนองเดียวกันนี้มาระยะเวลาหนึ่ง ใช้รูปแบบการก่อเหตุในระดับของการซุ่มโจมตีและตีโฉบฉวย โดยใช้อาวุธประจำกายและวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ตามโอกาสที่เอื้ออำนวยต่อการก่อเหตุแล้วหลบหนี และที่เป็นประเด็นสำคัญคือ การบุกยึดสถานพยาบาลเป็นที่มั่นในการก่อเหตุและควบคุมบุคลากรในสถานพยาบาลนั้น ถือเป็นการไม่เคารพหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน กอ.รมน. จึงขอเรียกร้องให้กลุ่ม ผกร.ได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหันมาร่วมกันแสวงหาทางออกโดยสันติวิธี แม้หากต่อมาในภายหลังจะอ้างว่า การก่อเหตุเป็นการต่อสู้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ใดก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนย่อมมีสิทธิในการป้องกันตนเอง รวมทั้งปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกันนี้ขอยืนยันว่า หน่วยงานภาครัฐพร้อมจะทำหน้าที่รักษาการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย และเร่งรัดติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีจนถึงที่สุดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
