เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม อดีตเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงมาตรา 108 วรรคท้ายของกฎหมายลูกว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ห้ามผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่เคยดำรงตำแหน่งเข้าสมัครรับการสรรหาอีกว่า ตามหลักการแล้ว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถือเป็นองค์กรอิสระที่มีความแตกต่างไปจากองค์กรอื่น เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จะสูงกว่าตำแหน่งเลขาธิการบรรดาสำนักงานองค์กรอิสระ ที่คอยทำหน้าที่ทางธุรการ แต่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จะมีอำนาจในระดับเดียวกันกับคณะกรรมการองค์กรอิสระ ทั้งในแง่การตรวจสอบ วินิจฉัย และตัดสินใจ ส่วนคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) จะมีอำนาจหน้าที่ในลักษณะบอร์ด คอยกำหนดนโยบายภาพรวมเท่านั้น อีกทั้งในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ยังกำหนดมาตรการคุ้มครองความเป็นอิสระของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้เข้มข้นขึ้นไปอีก ผู้ว่าการ สามารถร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ หาก คตง.เข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่
นายเฉลิมศักดิ์กล่าวว่า ดังนั้น เมื่อผู้ว่าการ มีอำนาจมากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จึงกำหนดในรัฐธรรมนูญให้มีความชัดเจนถึงคุณสมบัติของผู้ว่าการ เพื่อให้เทียบเท่ากรรมการองค์กรอิสระอื่น โดยเฉพาะการห้ามดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการองค์กรอิสระมาก่อน ส่วนที่อ้างถึงคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 71/2557 ว่าทำให้ อดีตผู้ว่าการ สามารถสมัครรับการสรรหาเป็นผู้ว่าการ ได้อีกนั้น ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่เมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ฉบับใหม่ประกาศใช้ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง แล้วทำการสรรหาใหม่อยู่ดี เนื่องจากมีการกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามดังกล่าวไว้
